บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มีนาคม, 2011

พันธกิจไม่ใช่วาทะกรรม

ปัญหาส่วนมากเกี่ยวกับการประกาศพันธกิจ คือ การเต็มไปด้วยศัพท์แสงและคำพูดซ้ำซาก ก่อนที่จะปรับประโยคมาใช้กับองค์กรใด ๆ นอกเหนือจากสิ่งที่เพียงแต่ได้เขียนขึ้นมา อย่าผูกมัดมือของตนเองมากกว่าคำพูด : เน้นการกระทำแทน พันธกิจเป็นนามธรรม องค์กรมีพันธกิจเป็นแรงบันดาลใจในการชี้นำ ให้ข้อคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการให้องค์กรจะะทำต่อไป เช่น สร้างคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ดีที่สุด, เปลี่ยนวิธีคิดของผู้คนเกี่ยวกับกาแฟ, แก้ความหิว ฯลฯ -- และทำในสิ่งที่ต้องมีภาระผูกพัน ต้องรับผิดชอบ การประกาศพันธกิจสามารถกระตุ้นเตือนทุกคน และเป็นแนวทางให้กับพนักงาน หรือ สามารถอธิบายให้คนอื่น ๆ ได้รับรู้ในสิ่งที่จะทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในความรู้สึกอย่างแท้จริง ที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมาย/วัตถุประสงค์ที่ต้องการ เรียบเรียงจาก Harvard Business Review Management Tip of the day. March 15, 2011 Live Your Mission, Don't State It The problem with most mission statements is that they are full of jargon and platitudes that apply to any organization, not just the one they were written for. Don't wring your hands over the wording

เปลี่ยนข้อมูลเก่าเป็นทองคำ

ไม่มีกฎข้อใดที่ว่า ต้องเป็นข้อมูลใหม่จึงจะเป็นประโยชน์ โดยความเป็นจริงแล้วการใช้ข้อมูลเก่าบางครั้ง สามารถประหยัดเงินและเวลา ในด้านกระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูล สามวิธีนี้เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้ ยังคงใช้การได้อยู่และเกี่ยวข้องกับการใช้งานในอนาคต : 1 พัฒนานโยบาย ตัดสินใจว่าข้อมูลควรจัดเก็บ หรือยกเลิกการจัดเก็บ ขึ้นอยู่กับกฏหมาย ระเบียบ คำสั่ง และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ให้ระลึกไว้ว่าค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้อมูลจะถูกลงตลอดเวลา แนวโน้มในการรักษาข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นเรื่องความน่าจะเป็นที่ว่า เมื่อใดก็ตามที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเหล่านั้น 2. ทำให้ใช้ข้อมูลในอนาคตได้ง่าย สร้างรูปแบบเอกสารพร้อมกับเทคนิคที่เหมาะสม อธิบายถึงวิธีการใช้ข้อมูลอย่างละเอียด และอธิบายถึงช่องว่างใด ๆ ที่มีอยู่ หรือข้อจำกัดที่มี 3. แปลงไฟล์เมื่อจำเป็น ไม่มีใครสามารถทำนายอนาคต แต่ให้คิดตลอดเวลาอย่างเอาใจใส่ เกี่ยวกับรูปแบบ/สกุลไฟล์ที่เก็บรักษา พยายามเก็บข้อมูลในรูปแบบ/สกุลไฟล์ ที่จะสามารถอ่าน หรือเขียนได้อีกใน 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า เรียบเรียงจาก Harvard Business Review Management Tip of the Day, March

ตอบจุดอ่อนตอนสัมภาษณ์

หนึ่งในเรื่องที่อึดอัดใจได้มากที่สุด แต่มักจะพบบ่อย, คือ คำถามสัมภาษณ์ที่ว่า "อะไรคือ จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ?" เราทุกคนต่างเคยมีความผิดพลาดเหมือนกัน แต่ในสถานที่/สถานการณ์แบบนี้ มักจะเป็นคำถามสุดท้ายที่ต้องตอบในการสัมภาษณ์งาน ครั้งต่อไป ก่อนจะไปสัมภาษณ์งาน ให้ลองใช้ทั้งสามขั้นตอน ในการเตรียมความพร้อมสำหรับคำถามที่น่าหวาดหวั่นแบบนี้ : 1. เตรียมคำตอบ ใช้เมื่อคุณจำเป็นต้องใช้ ทำให้กระชับ ตรงไปตรงมา ใช้คำพูดให้ดูเสมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่ใช่ความผิดพลาด ถ้าเป็นไปได้ ให้พูดในสิ่งที่นอกเหนือการควบคุมของคุณ ตัวอย่างเช่น "จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ เครือข่ายมืออาชีพของฉันอยู่ในเมืองบอสตัน แต่ฉันตอนนี้ ฉันกำลังจะต้องย้ายไปอยู่ที่ลอสแอนเจลลิส." 2. ฝึกการตอบ ลองใช้คำตอบเหล่านี้กับเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงาน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเสียงที่เหมาะสมและเป็นแบบธรรมชาติ(ไม่แสแสร้ง) 3. ใช้คำถามกลับ ในการสัมภาษณ์, ให้เบนเข็มความสนใจออกไปจากตัวคุณ เมื่อสิ้นสุดคำตอบของคุณ ด้วยการตั้งคำถามกับคนสัมภาษณ์บ้าง เรียบเรียงจาก Harvard Business Review Management Tip of the Day, Marc

สัมพันธภาพที่ดีได้งานดี

รายงานอัตราการถูกออกจากงานที่สูงขึ้น อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน เพื่อนร่วมงานที่ทำงานในประเทศอื่น ที่แตกต่างกันทั้ง ภูมิภาค/สถานที่ หรือแม้กระทั่งภายในอาคารเดียวกัน ที่ตอนนี้สามารถทำงานร่วมกันนานหลายสัปดาห์ โดยไม่จำเป็นต้องพบปะกันแบบตัวต่อตัว ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ได้สร้างสภาพแวดล้อมของความหวาดกลัว ความวิตกกังวล และความไม่น่าไว้วางใจ ความสัมพันธ์ในเชิงบวกของการทำงาน มีผลลัพธ์ที่แสดงถึงการเพิ่มผลผลิต, ข้อตกลง, และความมุ่งมั่น การสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายในที่ทำงาน เพื่อแสดงความมุ่งหวังที่จะร่วมงานกับเพื่อนร่วมงานทุกวัน การพูดคุยเพียงเล็กน้อยอาจจะน่ารำคาญ แต่มันเป็นรากฐานเริ่มต้นสำหรับการสร้างความสัมพันธ์ การเข้าถึงเพื่อนร่วมงาน ถามเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของพวกเขา เห็นคุณค่าของทุกคนที่ทำงาน เพื่อนำไปสู่การยอมรับ ที่สำคัญที่สุด แน่นอนเกี่ยวกับสัมพันธภาพที่จริงใจ ถ้าพยายามทำมันอย่างเต็มที่แล้ว ความสัมพันธ์เหล่านี้จะให้ผลตอบแทนในระยะยาว เรียบเรียงจาก Harvard Business Review Management Tip of the Day, March 18, 2011 Improve Your Work Life by Connecting with Others Workers repor

วิธีในการดึงดูดคนที่ความสามารถพิเศษ

ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ มักจะเจริญเติบโตได้เพราะฝีมือของลูกจ้าง ให้ค้นหาคนที่ดีที่สุด ควรจะเริ่มต้น จากรายชื่อลำดับต้น ๆ ของหัวหน้างานทุกคน การจะดึงดูดคนที่มีความสามารถพิเศษ ให้ลองพัฒนานิสัยสามประการนี้ : 1 รู้จักกับคนที่ความสามารถพิเศษก่อนที่คุณจะต้องการ ใช้เวลาพอสมควรกับเครือข่าย ในแวดวงอุตสาหกรรม/ธุรกิจ ชี้ชัดให้ได้ว่า ใครคือดาวเด่น สิ่งที่สร้างความสุขและความพึงพอใจ เกี่ยวกับการทำงานของพวกเขา ให้ความสนิทสนม/อุปถัมภ์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์เหล่านี้ก่อน จะได้รับกลับคืนมาภายหลัง 2 เสนอตนเอง ไม่ใช่เสนอตัวธุรกิจ ผู้มีความสามารถพิเศษ จะรู้สึกมีความสุขและพอใจ ที่จะทำงานกับผู้นำที่สามารถ ได้รับการไว้วางใจได้และได้รับการเรียนรู้ ให้มั่นใจว่า ทำไมพวกเขาต้องการทำงานร่วมกับคุณ 3 ใช้เวลาในการฟูมฟัก คนที่มีความสามารถพิเศษ มักจะยุ่งอยู่กับโครงการอื่น ๆ ให้คิดว่าการสรรหาบุคคลเหล่านี้ เป็นการลงทุนระยะยาว ให้ปรับปรุงข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ เกี่ยวกับบุคคลเหล่านี้ ให้สอดคล้องกับธุรกิจและวิสัยทัศน์ ทำเพื่ออนาคต เรียบเรียงจาก Harvard Business Review Management Tip of th

ชนะคนต่อต้านความคิด

เมื่อความคิดดีดีได้รับการต่อต้าน ยิ่งมีอารมย์ที่อยากจะผลักดันความคิดนั้นให้ เร็ว ขึ้นมากขึ้น โดยเชื่อมั่นกั บต นเอง ว่า จะสามารถสร้างความตระหนัก และการรับรู้ให้กับผู้ที่ไม่รู้เรื่องราวนี้แต่ต้นได้ แต่ในการบอกกับคนอื่น ๆ ว่า มีคำตอบที่ถูกต้องสมบูรณ์แล้ว ยิ่งไม่อาจสร้างความเชื่อถือให้กับ ผู้คน ได้ แต่อย่าสิ้นหวัง ให้ถามกับคนที่ ต่อต้านเรื่อง นี้ เพื่อเป็นการลับสมอ ง ความคิดก่อน อย่าเพ ิ่งคาดหวัง มากกว่า จะได้สิ่งต่าง ๆ อย่า ง ไม่มีเงื่อนไข ลองติดต่ อ เจรจากับพวก ที่ต่อต้าน เ พ ื่อค้นหา มุม มองและ แง่คิด ที่ต่อต้าน วาดฝันถึงวิสัยทัศน์ที่ต้องการในอ นาคต แล้วเชื้อเชิญให้พวกเขาติชม หรือ วิพากษ์วิจารณ์ พร้อมเสมอกับการปรับเปลี่ยนใหม่ให้เหมาะสม อาจจะต้องเปิดโอกาสให้มีทางเลือกอื่น ๆ มากขึ้น แล ้ว เดินหน้าต่อไปพร้อมกับความเชื่อมั่นที่คิดว่าถูกต้องแล้ว ไม่ เร็วก็ช้า โอกาสก็จะมาถึงและจะกลายเป็นความคิดที่ดีกว่าเดิม  จะทำให้มีคนเพร้อมดินเคียงข้างช่วยเหลือมากความคิดนี้มากขึ้น ในการทำความฝัน(ความคิดดีดี)ให้เป็นจริง เรียบเรียงจาก Harvard Business Review Management Tip of the Day, March 09, 2011

เคล็ดลับในการให้โบนัส

ช่วงการจ่ายโบนัส เป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับเจ้านาย ในการต้องตัดสินใจว่าลูกน้องคนไหน ควรได้รับรางวัลและเป็นรางวัลที่ดีที่สุดในการตอบแทน แต่ก็มีหลายบริษัทกลับยกเลิกสิทธิ์นี้ไปเลย การตัดสินใจเรื่องเหล่านี้อาจเป็นเรื่องยากลำบากมาก สามสิ่งต่อไปนี้คือ เคล็ดลับที่ควรคำนึงถึง ในขณะที่เข้าสู่ช่วงการจ่ายโบนัสคือ 1 ทำตามนโยบาย บริษัทส่วนใหญ่จะมีการปิดประกาศระเบียบคำสั่งในสถานที่ทำงาน วิธีการในการพิจารณา วิธีการจัดสรร การปรึกษาร่วมกับหัวหน้างานหรือฝ่ายบุคคล เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางจัดสรรค์ 2 สายสัมพันธ์ของรางวัลเพื่อการประสบความสำเร็จ โบนัสเป็นเพียงการสร้างแรงจูงใจ และมีความหมายที่สำคัญ หากเป็นการเชื่อมต่อกับความสำเร็จอย่างเฉพาะเจาะจง และอย่างเฉพาะกาล(สำหรับความสำเร็จ)เท่านั้น 3 โปร่งใส ทำให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น จากสิ่งที่ลูกน้องควรทำ เพื่อให้ได้รับผลตอบแทน โดยการประกาศข่าวสารภายใน อย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา เกี่ยวกับวิธีการให้โบนัส ที่มาที่ไปในการตัดสินใจในสิ่งที่คุณได้ทำลงไป เรียบเรียงจาก Harvard Business Review (January 05, 2011 3 Tips for Rewarding Bonuses Bonus season can be tough for m

ใช้แผ่นตรวจสอบรายการเมื่อมีการปรับเปลี่ยนโครงการ

การรับมอบหมายโครงการต่าง ๆ เป็นเรื่องสำคัญ ในโลกของการทำงานอย่างรวดเร็วทุกวันนี้ แต่อาจจะเป็นงานที่ทำให้เส้นประสาทตึงเครียดได้ ผู้ร่วมงานคนใหม่จะเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องกระทำ? จะติดตามในสิ่งที่สัญญา/ตกลงว่าจะทำอย่างไร? ไม่ว่าจะถามเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องที่จะทำงานให้คุณ ให้ใช้แผ่นตรวจสอบรายการ เพื่อให้แน่ใจว่า ทั้งสองฝ่ายต่างมีรายการในหน้าเดียวกัน รวมคำถามต่าง ๆ เช่น "เข้าใจอย่างไรกับการจัดลำดับความสำคัญในสิ่งที่ควรจะทำ?" และ "ต้องการอะไรบ้าง จึงจะทำให้งานสำเร็จ?" ห้านาทีสำหรับแผ่นรายการตรวจสอบนี้ จะทำให้เข้าใจซึ่งกันและกัน, ช่วยประหยัดทั้งเวลา และลดโอกาสความผิดพลาดได้ เรียบเรียงจาก Harvard Business Review (March 08, 2011) Use a Checklist When Transitioning a Project Handing off projects is essential in today's fast-paced work world. But, it can be a nerve-wracking task. Does the new person understand what needs to get done? Will she follow through on what she's promised to do? Whether you are asking a peer or a subordinate to take over for you, use a checklis

ระบุพันธกิจเพียง 8 วลี

ไม่ว่าคุณจะเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร หรือ บริษัทที่แสวงหาผลกำไร, พันธกิจที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณดึงดูดนักลงทุน,(ผู้ให้ทุนสนับสนุน) การรวมพลังของพนักงาน และการเอาชนะใจลูกค้า แต่น่าเสียดายที่ถ้อยคำพันธกิจเหล่านั้น มักจะเต็มไปด้วยศัพท์แสงและถ้อยคำประกาศ ทียิ่งใหญ่เป็นนามธรรมมากเกินไป เกินกว่าที่จะดำเนินการได้อย่างชัดเจน ลองประกาศพันธกิจด้วย วลีเพียงแปดวลี หรือน้อยกว่า ใช้รูปแบบ : กริยา เป้าหมาย, ผลลัพธ์ ตัวอย่างเช่น ”ปรับปรุงสุขภาพเด็กแอฟริกัน." ทำให้มันง่ายเข้า จะช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจ ในสิ่งที่คุณทำและให้การสนับสนุน แม้ว่าจะไม่ได้มีข้อยุติแต่เพียงแค่นี้ เมื่อคุณรู้ว่าสิ่งที่คุณทำได้ดี ได้อย่างแม่นยำ คุณจำเป็นต้องเปรียบเทียบ /วัดค่าได้ เพื่อพิสูจน์คุณค่าของพันธกิจนั้น เรียบเรียงจาก Harvard Business Review (January 06, 2011) State Your Mission in 8 Words or Less Whether you are a non-profit organization or a for-profit company, a crisp, clear mission statement can help you attract investors, rally your employees, and win customers. Unfortunately, those statements are often riddled w

สิ่งที่ต้องทำเมื่อออกจากงาน

มันจะเป็นเรื่องสามารถสร้างอารมณ์เดือดดาล เมื่อคุณออกจากงานแล้วบอกทุกคน ในเรื่องที่คุณคิดเกี่ยวกับพวกเขา แล้วเดินออกไปโดยไม่หวนกลับมาอีก อย่างไรก็ตาม มันจะเป็นประโยชน์ที่ดีที่สุดของคุณ ที่จะออกไปอย่างเงื่อนไขที่ดี ครั้งต่อไป ถ้าคุณออกจากงานไปแล้ว ไม่ว่าด้วยความสมัครใจ หรือไม่ก็ตาม ให้คิดเกี่ยวกับสามสิ่งต่อไปนี้กับคุณ : 1. สานสัมพันธ์ ขอบคุณทุกคนที่ดูแลเอาใจใส่คุณเป็นอย่างดี หรือผู้ที่มีส่วนช่วยให้คุณได้ก้าวหน้า ให้คำมั่นสัญญาว่าจะติดต่อกันต่อไป เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าเมื่อไร ที่คนเหล่านั้นอาจจะสามารถช่วยคุณได้ 2.ผลงานตัวอย่างของคุณ เป็นโอกาสของคุณที่ผลงานที่ได้ทำขึ้นมาในอดีต อาจได้รับประโยชน์เมื่อคุณกำลังมองหางานใหม่ แต่ให้หลีกเลี่ยงอย่างที่สุดในเรื่องเกี่ยวกับ เอกสารเกี่ยวกับกลยุทธ์ หรือ ความลับทางการค้า 3.บันทึกรอยยิ้ม บันทึกนี้ควรรวมถึงการรับส่ง email จากเจ้านาย หรือเพื่อนร่วมงานของคุณ คำชมเชย บันทึกคำขอบคุณจากลูกค้า และคำวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรง เรียบเรียงจาก Harvard Business Review Management Tip of the Day, January 07, 2011 3 Things to Take with You When You Leave It can be

ทำให้ความคิดได้รับการยอมรับ

เมื่อคุณมีความคิดที่ดีแล้ว อย่าคิดว่าคนอื่นจะมีส่วนร่วมหรือรับรู้ด้วย หรือกระตือรือร้นในการยอมรับความคิดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำหรือข้อเสนอที่จะได้รับ มีการยอมรับน้อยมากเกี่ยวกับ คุณค่าของความคิดโดยลำพัง(ของคนอื่น) เว้นแต่จะมีวิธีการที่จะนำเสนอที่ดีได้ นี่คือสามสิ่งที่คุณจะทำอย่างไร เพื่อให้ข้อเสนอในครั้งต่อไปของคุณ มีโอกาสจะได้รับการยอมรับคือ 1 สร้างพันธมิตร พบปะกับผู้มีส่วนได้เสีย (เจรจานอกรอบไม่เป็นทางการ) ก่อนที่จะต้องขออนุมัติอย่างเป็นทางการกับพวกเขา เพื่อสร้างความสนใจ และเสนอขายความคิดล่วงหน้าให้กับพวกเขา 2 ทำให้เป็นเรื่องง่าย อย่าให้น้ำหนักข้อเสนอของคุณเต็มไปด้วย ข้อมูลจำนวนมหาศาล และการวิเคราะห์รายละเอียดมากเกินไป จะกวนอกกวนใจผู้มีส่วนได้เสีย ให้เสนออย่างกระชับและตรงไปตรงมา 3 เน้นผลประโยชน์ ผู้มีส่วนได้เสียต้องการทราบว่า มีอะไรอยู่ในนั้นสำหรับพวกเขา (พวกเขาจะได้อะไรบ้าง) ให้มั่นใจว่า ได้ระบุจุดหลักสำคัญของแนวความคิด ในด้านผลประโยชน์ คือ สิ่งที่พวกเขามีส่วนที่จะได้รับด้วย เรียบเรียงจาก Harvard Business Review Tip of the Day, January 10, 2011 Get Your Idea Approved When y

เวลาที่เหมาะสมเป็นผู้ประกอบการ

ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก ในการเปิดร้านของตัวเอง หรือไล่ล่าความฝันอันยิ่งใหญ่ของคุณ ความเสี่ยงของการประกอบการมีมาก แต่สำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จ จะได้รับผลประโยชน์ตามมาอื่น ๆ อีกมากมาย นิ่คือสามคำถามที่ถามตนเองก่อน ที่จะโดดออกมาทำธุรกิจด้วยตัวคุณเองคือ 1 มีความคิดโดดเด่นหรือไม่ มันไม่ควรเป็นความคิดทั่ว ๆ ไป จำเป็นต้องมีสิ่งที่คุณ รู้สึก รู้ลึก และหลงใหล และไม่มีใครสามารถพูดคุยกับคุณ ในเรื่องคุณได้คิดและตัดสินใจแล้ว (แม้ว่าพวกเขาจะพยายาม) 2 มีหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้? การเริ่มต้นธุรกิจเป็นเรื่องค่อนข้างเงียบเหงา ควรทำร่วมกับกับใครบางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเธอมีทักษะที่สมบูรณ์ยิ่ง ก็สามารถทำให้สายทางที่ฝัน เป็นเรื่องราบเรียบและมีความสุขมากขึ้น 3 ทำได้ดีที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งโครงสร้างองค์การ? สำหรับหลาย ๆ คน นี่คือ ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หากคุณเจริญก้าวหน้าได้ เมื่อไม่มีเส้นทางที่ชัดเจน และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนหลายอย่าง ก็อาจเป็นเวลาที่ จะส่งเสริมความเป็นผู้ประกอบการภายในตัวคุณ เรียบเรียงจาก Harvard Business Review (March 07, 2011) Find the Right Time to Become an Entre

รับมือกับเสียงในที่ทำงาน

การมีพื้นที่ว่างมากไปในห้องทำงาน นำไปสู่ความตึงเครียดได้ การให้ประตูสำนักงานเปิดโล่ง มีที่ว่างตรงผนังกั้นห้องเล็กในที่ทำงาน สิ่งเหล่านี้ แม้ว่าจะเป็นวิธีการที่ดี เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและความโปร่งใส แต่ก็ยังสามารถนำไปสู่ห้องทำงานที่มีเสียงดัง ที่นี่คือสามวิธีในการกลบเสียงอื้ออึงหรืออึกทึกครึกโครม และจุดเน้นที่สำคัญคือ 1 ใส่หูฟัง เพลงอาจทำให้เสียสมาธิได้เหมือนกัน แต่การเปิดวิทยุเสียงค่อย ๆ หรือเสียงต่ำ เสียงไร้สาระ หรือเสียงเพลง อาจกลบเสียงดังกล่าวได้ดี หรือลองหนึ่งในหลาย ๆ อย่างฟรี Web - based กำเนิดสัญญาณรบกวนแบบสีขาว 2 เครื่องรับสัญญาณรบกวนสีขาว มีการทำการตลาดส่วนใหญ่ เป็นเครื่องช่วยให้นอนหลับ แต่คุณสามารถใช้งานในที่ทำงานได้เช่นกัน วางในจุดใดจุดหนึ่งถัดจากโต๊ะทำงานของคุณ หรือที่ประตูที่เปิดมายังที่ทำงานของคุณ 3 ทำให้ดังน้อยลง ปรกติแล้ว คุณก็มีส่วนสร้างเสียงที่รบกวนผู้อื่นได้ โปรดจำไว้ว่า ในครั้งต่อไป เวลาที่คุณจะรับโทรศัพท์ หรือมีการสนทนากับโต๊ะข้าง ๆ โต๊ะทำงาน เรียบเรียงจาก Harvard Business Review (January 11, 2011) 3 Ways to Cope with Office Noise Open work spaces are all

เหตุผลที่ไม่ให้มอบอำนาจ

ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารส่วนมาก มักจะแนะนำให้คุณมอบอำนาจให้มากที่สุด หลังจากที่มีการมอบอำนาจ เพื่อการพัฒนาพนักงานของคุณ จะทำคุณมีเวลาในการให้ความสำคัญกับภาพใหญ่ แต่ก็มีบางครั้งที่การให้บรรลุโครงการ หรือภารกิจอาจจะเกิดความไม่รอบคอบเกิดขึ้นคือ 1 เมื่อขาดความชัดเจน ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน ในเรื่องที่ต้องการแก้ไขปัญหา หรือวิธีการที่ดีที่สุด ให้ยุติการมอบอำนาจไว้ รอจนกว่า คุณมีความเข้าใจมากขึ้น และพร้อมจะแบ่งปันอำนาจ 2 เมื่อจำเป็นต้องเรียนรู้ แม้จะเป็นเรื่องดีที่ในการพัฒนาคนอื่น ๆ แต่ไม่ต้องเสียสละหรือละทิ้งการพัฒนาตนเอง ยึดมั่นแน่วแน่ในการมีส่วนร่วม อย่างมีนัยสำคัญต่อการเจริญก้าวหน้าของคุณเอง 3 เมื่อโครงการมีเงินเดิมพันสูงมาก ยังมีเวลาเพียงพอ ที่มีแต่คุณเท่่านั้น ที่จะเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับงานนี้ ไม่ใช่เป็นพราะคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้มันสำเร็จได้เร็วขึ้น หรือดีขึ้น แต่เพราะโครงการนั้นสำคัญเกินกว่า จะมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทนจนแล้วเสร็จ เรียบเรียงจาก Harvard Business Review (January 12, 2011) 3 Reasons Not to Delegate Most management experts will advise yo

สัมภาษณ์งานกับเจ้านายคนใหม่

ผู้จัดการส่วนใหญ่รู้สึกว่า เป็นการลงทุนที่เพิ่มมูลค่าขึ้นอย่างมาก กับคนที่จะได้รับว่าจ้างอย่างด้วยตนเอง พวกเขาจะตรวจสอบประวัติการทำงาน, ทำการสัมภาษณ์และตัดสินใจอย่างดีที่สุด หากคุณมีเจ้านายคนใหม่ในงานประจำของคุณ ให้พิจารณาเหมือนการว่าจ้าง อีกครั้งด้วยการทำทั้งสามสิ่ง : 1.ปรับปรุงข้อมูลประวัติส่วนตัวของคุณ นี้คือสิ่งที่ควรจะทำ เป็นสามัญสำนึกทั่วไป มีข้อมูลใหม่มากขึ้นในการนำเสนอ ในรูปแบบข้อมูลใด ๆ ที่มุ่งเน้นไปที่ การประสบความสำเร็จเมื่อเร็ว ๆ นี้ของคุณ 2.ขอนัดหมาย ขอนัดหมายกับเจ้านายใหม่ของคุณด้วยตัวคุณเอง ทำเสมือนว่าเป็นการสัมภาษณ์ ตรงต่อเวลาและทำอย่างมืออาชีพ 3.นำเสนอตัวเอง เริ่มต้นด้วย "ขออนุญาตรายงานเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่และทีมงานทั้งหมด." ทบทวนประวัติการทำงาน หรือนำเสนอข้อมูลในสิ่งที่เตรียมมา เน้นความสำเร็จของคุณเองและของทีมงานของคุณ อย่าปล่อยให้เป็นการสนทนาแต่เพียงฝ่ายเดียว ให้ค้นหาสิ่งที่เจ้านายสนใจและและต้องการ เรียบเรียงจาก Harvard Business Review (January 13, 2011) Interview with Your New Boss Most managers feel more invested in people they've hired personal

ค้นหากบฏในตัวคุณ

วัฒนธรรมของชาวอเมริกันมักจะเฉลิมฉลอง คนนอกรีต, คนไม่เหมาะสม, และผู้ประกอบการ หรือใครก็ตามที่ท้าทายสภาพปัญหาในปัจจุบัน แต่ที่ทำงานหลายแห่งทำเช่นนั้นไม่ได้ ด้วยประการละเช่นนี้, เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ควรเสนอด้วยการให้รางวัลแทน อย่างไรก็ตามแต่ ผลของการตอบรับที่ท้าทายความสามารถ ช่วยให้หน่วยงานได้ค้นพบข้อผิดพลาดที่เป็นสาระสำคัญได้ อาจทำให้เกิดการผลักดันสร้างสรรค์นวัตกรรม และประสบความสำเร็จในที่สุดได้ นาน ๆ ครั้ง การเป็นผู้นำที่ทรงประสิทธิภาพ ด้วยการเป็นกบฏเล็กน้อยในตัวคุณ ครั้งต่อไป   ถ้าพบว่าทุกคนเห็นพ้องด้วยกับข้อตกลงในที่ประชุม ให้ถามตนเองก่อนว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดอย่างแท้จริงสำหรับหน่วยงานหรือไม่ ให้เล่นบทบาทผู้ร้ายแทนบทบาทที่ปรึกษา เพื่อทดสอบสมมติฐานและหาจุดอ่อนของกลยุทธ์ แต่อย่าถลำลึก จนเลยเถิดจนเกินไป(กู่ไม่กลับ) ให้เรียนรู้เพื่อย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง มีความสำคัญพอ ๆ กับการเรียนรู้ที่จะผลักดันต่อไปข้างหน้า เรียบเรียงจาก Harvard Business Review (March 04, 2011) Find Your Inner Rebel American culture often celebrates heretics, misfits, and entrepreneurs — anyon

ธำรงไว้ซึ่งปณิธาน

กลางเดือนมกราคมแล้ว "มีความคืบหน้าตามปณิธาน ตอนปีใหม่แล้วหรือยัง? คำตอบของคนส่วนใหญ่คือ ยังไม่ได้ แต่ก็ยังมีความหวังอยู่ ในการที่สามารถทำให้บรรลุ ตามปณิธานให้ง่ายขึ้นด้วยการทำสองสิ่ง 1 เขียนปณิธาน การจะบรรลุปณิธานตามเป้าหมายให้มากขึ้น ถ้าคุณกำหนดวัตถุประสงค์และเขียนลงบนกระดาษ(ทำเป็นลายลักษณ์อักษร) ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับหลักชัยที่จะไปถึงจุดหมาย 2 สนองน้ำใจเพื่อนฟ้อง ปณิธานร่วมกันกับเพื่อนพ้องของคุณ ครอบครัว เพื่อนฝูง หรือเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้ เพราะการที่ไม่อยากทำให้ใครบางคนผิดหวัง สามารถสร้างแรงจูงใจที่ดีได้ เรียบเรียงจาก Harvard Business Review (January 14, 2011) How to Keep Those Resolutions It's mid-January. Have you made any progress toward your New Year's resolutions yet? If you are like the majority of people, the answer is, probably not. There is hope though. You can make accomplishing your resolutions easier by doing two things: 1. Write them down. You are more likely to achieve goals if you set objectives and put them on paper. Be specific about the s

มุ่งเน้นที่ความสามารถ

แทนที่จะหากลยุทธ์เอาชนะอุปสรรค/กำแพงขวางกั้นของบริษัท ให้หาประสิทธิภาพที่เหนือกว่าคู่แข่ง โดยใช้ประโยชน์จากสิ่งที่บริษัทของคุณทำได้ดีที่สุด ใช้ความสามารถภายในของบริษัทของคุณ พนักงาน องค์ความรู้ระบบ เครื่องมืออุปกรณ์ และกระบวนการที่สร้างคุณค่าให้กับลูกค้า เป็นรากฐานของความได้เปรียบในการแข่งขัน มีสามวิธีที่จะทำให้ความสามารถของคุณได้ผล : 1. ความสามารถในการเริ่มต้นก่อน อย่าตัดสินใจทิศทางกลยุทธ์แล้ว ไม่มั่นใจในสิ่งที่ต้องการที่จะได้รับ ให้ค้นหาแก่นแท้หลักของบริษัทและใช้ขับเคลื่อนกลยุทธ์ 2 ความสามารถในการแยกแยะ/ระบุความแตกต่าง ชี้ชัดว่าสิ่งที่บริษัทจะไม่ซ้ำแบบกับทั่วไปในท้องตลาด อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าให้คุณค่าความสำคัญ และสิ่งที่คู่แข่งของคุณไม่สามารถเลียนแบบได้เลย 3 มุ่งเน้นที่ความสามารถไม่ใช่แต่สินทรัพย์ถาวร สินทรัพย์ถาวรมีแนวโน้มที่จะหมดอายุหรือล้าสมัย ความสามารถแก่นแท้จะช่วยให้คุณเปรียบอย่างรวดเร็ว เพราะสามารถนำไปปรับใช้กับสภาวะแวดล้อม/สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เรียบเรียงจาก Harvard Business Review (January 17, 2011) Focus on Your Company's Capabilities Instead of looking for

ทำเหมือนตอนเริ่มต้นธุรกิจ

ผู้นำที่ก่อตั้งองค์กรมักจะมองย้อนกลับไปใปในอดิต คิดถึงตอนเมื่อเริ่มต้นก่อตั้งธุรกิจ และช่วงที่ผ่านมายาวนาน สำหรับของความตื่นเต้นบางส่วน การต้องใช้ความเฉลียวฉลาด และการเติบโตขององค์กรที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะย้อนเวลาคืนกลับมา มีวิธีการที่บริษัทสามารถปรับเปลี่ยนนวัตกรรม และขับเคลื่อนธุรกิจได้รวดเร็วเหมือนเริ่มต้นขึ้นธุรกิจคือ 1 ตั้งกองทุนร่วมลงทุน เป็นกองทุนภายในสำหรับผู้อยากเป็นผู้ประกอบการในหน่วยงาน ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องหรือร่วมกับแก่นแท้ของธุรกิจ ก็จะสามารถดึงดูดผู้ที่มีความคิดริเริ่มภายในใจ และมีความปรารถนาที่จะผลักดันความคิดใหม่ ๆ ให้เป็นรูปธรรม 2 เริ่มสร้างกลุ่มงานที่ไม่มีใครอยากทำ เป็นภาระงานที่ต้องการแก้ปัญหาด้วยทางเลือก/โอกาสใหม่ ๆ ที่หน่วยงานเดิมไม่สามารถทำได้ มอบหมายการปฏิบัติงานเหมือนการเริ่มต้นธุรกิจ ไม่ใช่แบบโครงการต่าง ๆ โดยมีเงินรางวัลตอบแทนความสำเร็จ 3. ผู้ให้การสนับสนุนการประกวดนวัตกรรม ท้าทายกับความคิดใหม่ ๆ หรือนวัตกรรม และการเสนอเงินรางวัลที่เพียงพอ ที่จะดึงดูดเรื่องใหญ่ ๆ ต่อไปในภายหน้า เรียบเรียงจาก Harvard B

ก่อนรับโครงการที่แทบทำไม่ได้

รางวัลตอบแทนโครงการเฉพาะกิจในระดับสูง โดยมีช่วงกรอบระยะเวลาทำงานสั้น ๆ มักจะเป็นโครงการที่ท้าทายยิ่ง เมื่อวัดจากความจำกัดในเรื่องระยะเวลาเป็นอย่างมาก การรับมอบหมายโครงการ/ภาระกิจเร่งด่วนที่แทบทำไม่ได้ จะเป็นสาเหตุทำให้คุณต้องล้มเลิกการทำงาน หรือล้มเหลวได้หรือทั้งสองอย่างเลยทีเดียว ครั้งต่อไปถ้าเจ้านายเลือกคุณสําหรับโครงการ ที่มีแต่คุณที่สามารถทำงานได้เท่านั้น ให้ขอวันเวลาเพื่อคิดครอบคลุมโครงการทั้งหมด ใช้เวลาไปกับการวางแผนโครงการ ระบุทรัพยากรที่คุณจำเป็นจะต้องใช้ และคาดการณ์คอขวด/เหตุล่าช้าของโครงการ เอาจริงเอาจังกับแผนการของคุณ ไม่ใช่คิดแต่เพียงว่าคุณหรือทีมงานของคุณ ต้องทุ่มเททำงานสัปดาห์ 80 ชั่วโมง หลังจากนั้นอภิปรายร่วมกันกับเจ้านายของคุณ อธิบายสิ่งที่คุณไม่สามารถทำโครงการดังกล่าวได้ ภายในกรอบระยะเวลา และเจรจาต่อรอง สำหรับทรัพยากรเฉพาะกิจ/พิเศษที่คุณต้องการ ต้องได้รับความมั่นใจว่าได้เอกสารทุกอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับโครงได้มีการส่ง email มาภายหลัง เพื่อให้คุณสามารถเจรจาตกลงกันใหม่ หากได้รับการลด/ตัดทอนทรัพยากรลง หรือกำหนดเวลาเส้นตายที่น้อยกว่าที่ตกลงกันไว้

รายงานผลลัพธ์เสมอ

หนึ่งในความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ของคนเรา คือ หลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว มักจะไม่แจ้งผลที่เกิดขึ้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสมัครงาน หรือให้การแนะนำเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้า ก็ควรรายงานกลับถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลัง ว่าคุณได้รับงานตามที่แนะนำ หรือติดต่อกับเพื่อนได้หรือไม่ การแจ้งให้ทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะเป็นข่าวร้าย คนที่ช่วยเหลือคุณก็อาจจะช่วยเหลือเพิ่มเติมได้ โดยการแนะนำเพื่อนหรือลูกค้าอื่นเพิ่มเติม หรือแนะนำสถานที่อื่นที่ดีขึ้นกว่าเดิม ในแง่บวกแล้ว ผลการแจ้งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น จะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะได้รับความช่วยเหลือ เพิ่มเติมจากคนอื่น ๆ อีกในอนาคต เรียบเรียงจาก Harvard Business Review (March 01, 2011) Always Close the Loop One of the biggest mistakes people make after receiving a favor is failing to follow up. Whether someone gives you advice on a job application or makes an introduction to a colleague or client, be sure to report back what happened. Did you get the job or get in touch with the friend? Close the loop by sharing t