บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก เมษายน, 2011

หลีกเลี่ยงการพูดที่ไม่เข้าใจตรงกัน

แม้ว่าการสื่อสารเป็นเรื่องหลักขององค์กร แต่ก็เป็นการยากที่จะหาหน่วยงาน ที่ไม่มีการสื่อสารที่ไม่เข้าใจตรงกัน ที่เป็นส่วนหนึ่งของภาระงานของผู้จัดการ คือการทำให้สิ่งเหล่านี้ให้มีให้น้อยที่สุด นี่คือสามวิธีเพื่อให้แน่ใจว่า ลูกน้องทุกคนเข้าใจการสื่อสารกันดังนี้ 1 ให้ขัอสังเขป. สำหรับคนที่จะเข้าใจข้อความ พวกเขาจะต้องรู้ว่า ทำไมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ให้ข้อมูลที่เพียงพอ เพื่อให้พวกเขาทราบว่า สิ่งนี้ที่ตรงกับรายการ ที่มีลำดับความสำคัญมากที่สุด 2 สนับสนุนให้มีการตั้งคำถาม. อย่าเพิ่งตั้งคำถามเหมือนมีคนถาม คนทั่วไปมีเวลามีข้อสงสัยอะไร จะกระตุ้นให้พวกเขาเพิ่มความกังวล/เครียด ประเภทของการปฏิสัมพันธ์แบบนี้ จะช่วยให้ที่คนทั่วไปดูดซับข้อมูล และทำความเข้าใจข้อความ เพื่อให้พวกเขาสามารถรับส่ง เข้าใจข้อความที่แจ้งให้ทราบได้ 3 เชื่อมต่อ. ผู้คนตอบสนองต่อการสื่อสารที่แตกต่างกันมาก แม้ว่าในขณะที่กำลังได้ยินข้อมูลชุดเดียวกัน ด้วยการให้ข้อมูลที่สอดคล้องกับลูกน้องแล้ว จะสามารถคาดการณ์ปฏิกิริยาของลูกน้องได้ และทำความเข้าใจวิธีการแจ้งข้อมูลข่าวสาร เรียบเรียงจาก Harvard Business Re

ผู้นำไม่เป็นทางการ

องค์กรที่เข้มแข็งจะให้รางวัลสำหรับบุคคล ที่มีความคิดริเริ่มในการเป็นผู้นำ ไม่เพียงแต่ผู้นำที่เป็นทางการต้องทำเท่านั้น เพราะในปัจจุบันการที่มีผู้นำที่แสดงบทบาทต่าง ๆ แต่ถ้าไม่สามารถสร้างความแตกต่างที่เด่นชัด ขณะที่ผู้นำส่วนมากมักจะรีรอในการแก้ไขปัญหา จนกว่าจะจนมุมหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว จึงจะเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังสักที ประสบการณ์และความชอบธรรมอาจจะมีประโยชน์ แต่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะนำไปสู่ความเป็นผู้นำ ลองพิจารณาอำนาจอย่างไม่เป็นทางการ ที่ได้รับผ่านทางเครือข่ายสังคม ความสามารถที่จะมีอิทธิพล หรือมีผู้จงรักภักดี/เชื่อถือคุณ จงเริ่มใช้มันตอนนี้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ทำตนให้เสมือนเป็นผู้นำอย่างเป็นทางการ แม้ว่าบางครั้งไม่จำเป็นจะต้องเป็นผู้นำ ที่ได้รับอนุญาต/แต่งตั้งให้โดยหน่วยงาน เรียบเรียงจาก Harvard Business Review Management Tip of the Day, April 5, 2011 Become a Leader Before Others See You as One Healthy organizations reward people who take initiative to lead, not just those with the formal authority to do so. Too many emerging leaders assume they can't

การแก้ไขข้อผิดพลาดทางสังคม

ทุกคนต่างรู้ว่าไม่ควรพูดลับหลังคนอื่น เพราะมีภยันตรายจากกฎแห่งกรรม ที่ประโยคคำพูดเป็นอันตรายที่แท้จริง เช่นกันในการได้ยินคำพูดดังกล่าวโดยบังเอิญ หรือได้รับการจับผิด เช่น คุณไม่ได้ตั้งใจกด "ตอบกลับทั้งหมด" หรือ "ไม่ชอบ" หรือพูดข้อความใด ๆ แต่ไม่รู้ว่ามีการบันทึกเสียงไว้ มีวิธีการแก้ไขได้สามขั้นตอน ในการแก้ไขปัญหาและขอสมานความสัมพันธ์คือ 1. ยอมสารภาพและขออภัย ไม่มีประโยชน์ในการแสแสร้ง เสนอความรับผิดชอบอย่างจริงจัง และยอมรับผิดชอบในสิ่งที่คุณคิดว่าจะดีขึ้น 2. เผชิญหน้ากับความจริง อย่าพยายามที่จะอธิบายโดยแสร้งว่าไม่สำคัญ รวบรวมความกล้าหาญ เพื่อประกาศอย่างชัดเจนว่า มีอะไรที่มารบกวนตอนนั้น และวิธีการที่ต้องการให้บุคคลอื่นปฎิบัติตอบแทน 3. ตกลงว่าจะทำให้แตกต่างในครั้งต่อไป ในสถานการณ์เช่นนี้ ยอมรับว่าเป็นความผิดจริงที่ไม่ได้ตั้งใจ สร้างปัญหาโดยตรงกับผู้อื่นอื่น ให้คำสัญญาว่าจะเปิดเผยข้อข้องใจในโอกาสต่อไป เรียบเรียงจาก Harvard Business Review Management Tip of the Day, April 6, 2011 How to Recover from a Social Faux Pas We all know we shouldn't talk behind peopl

เปลี่ยนพฤติกรรมก้าวร้าว

มันไม่ใช่ข้อแก้ตัวสำหรับการเหมารวม/สรุปเอาว่า ใช่เราทุกคนมีนิสัยไม่ดี ที่รู้สึกว่ามีมาแต่กำเนิด แต่ก็ไม่ใช่ข้อเรียกร้องเช่นกันว่า "นี่เป็นเพียงวิธีทำงานของผม" เมื่อพฤติกรรมของคุณทำร้าย หรือ สร้างความบกพร่องกับความก้าวหน้าเรื่องงานของผู้อื่น ให้เผชิญหน้าท้าทายกับความจริง และหาแนวทางในการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคุณ.- 1. คิดในสิ่งที่คนอื่นคิด ตัวคุณเองอาจไม่ทราบว่า นี่เป็นนิสัยที่เลวร้ายที่สุดของคุณ ให้ถามเพื่อนร่วมงานที่เชื่อถือได้ ในสิ่งที่เป็นเรื่องยุ่งยาก เกี่ยวกับการทำงานร่วมกับคุณ ฟังอย่างระมัดระวัง ไม่พยายามที่จะโต้ตอบ , อธิบาย, เหตุผล, หรือปกป้องตนเอง 2. ค้นหาทางเลือก ครั้งต่อไปที่คุณได้ประพฤติผิด คิดมิชอบดังกล่าวเกิดขึ้นอีก คุณจะทำอย่างอื่นทดแทนให้หรือไม่ ให้สัญญากับทีมงานของคุณ หรือเพื่อนร่วมงาน เพื่อทำสิ่งที่แตกต่างอย่างยิ่ง 3. จ่ายค่าปรับ เพื่อให้มีผลบังคับใช้เกิดขึ้น หลังจากที่ได้ผิดคำสัญญา ตรวจสอบว่า มีการจ่ายค่าปรับไปแล้วจริง นี่เป็นเรื่องสร้างสรรค์ที่ดี เรียบเรียงจาก Harvard Business Review Management Tip of the Day, April 7, 2011 3 Steps to Chang

สร้างความเครียดเพื่อผลงาน

ความเครียดในที่ทำงานเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ต้องมีเพียงเล็กน้อยจะได้ไม่เป็นภยันตราย โดยข้อเท็จจริงมีรายงานการศึกษาจำนวนมากพบว่า ความเครียดสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยการทำให้สมองต้องใช้งานเพิ่มขึ้นมากจากความสามารถเดิม ปรับปรุงความจำและสติปัญญา และเพิ่มผลผลิต แต่จงอย่าแสวงหาความเครียด -- ให้มีน้อยจะดีกว่า การสร้างความเครียดเพื่อที่จะได้ผลงาน ให้สังเกตเห็นว่า มันไม่ได้เลวร้ายทั้งหมด แต่ให้พัฒนารับรู้และตระหนัก ถึงเหตุผลที่คุณรู้สึกว่าจะสติแตกแน่แล้ว โดยหลังจากนั้นให้เปลี่ยนแนวทางเป็นการเสริมพลัง(เสริมทางบวก) หลังจากความกังวลวิตกกังวัลที่มีต่อผลผลิต แต่ให้ตีกรอบใหม่(เปลี่ยนแนวคิดใหม่)ว่า ความเครียดเชิงบวก มีศักยภาพสามารถลดสาเหตุที่อาจเป็นโทษภัยได้ เรียบเรียงจาก Harvard Business Review Management Tip of the Day, April 8, 2011 Make Stress Work for You Stress at work may be inevitable but it doesn't have to be detrimental. In fact, many studies show that stress can enhance your performance by causing your brain to use more of its capabilities, impr