บ้านรังนกนางแอ่น(กินรัง)
ยังมีบางส่วนทำรังตามบ้านคนทั่วไปด้วย
โดยเฉพาะที่ปากพนังจะมีอยู่หลายบ้านมาก
ที่นกนางแอ่นเข้าไปทำรังเอง
ยกเว้นแต่ช่วงหลังที่สร้างให้นกนางแอ่นเข้าไปอยู่เลย
สมัยก่อนร่วมสามสิบปีแล้ว
อาสาวที่ปากพนังเล่าให้ฟังว่า
รังนกนางแอ่นราคาไม่แพงเท่าไร
ไม่เหมือนกับปัจจุบัน
ที่ราคาแพงมากเป็นหลักหมื่นขึ้นไป
ที่บ้านของอาสาวที่ปากพนัง
ที่แรกแกสร้างบ้าน
และกะว่าข้างบนจะทำเป็นโกดังเก็บของ
ปรากฎว่ามีนกนางแอ่นมาทำรัง
แกพยายามไล่ให้ไป
แต่พวกนกไม่ยอมไป
สุดท้ายเลยปล่อยเลยตามเลยให้อยู่ต่อไป
แล้วค่อยเก็บรังภายหลัง
เพราะสมัยก่อนคนจีนบางคนเชื่อว่า
บ้านของคน คนอยู่ ไม่ใช่ให้นกอยู่
หรือสร้างบ้านให้คนอยู่
ไม่ใช่สร้างบ้านคน ให้นกอยู่
กอปรกับนกนางแอ่นมีสีดำ
ถือว่าสีดำไม่เป็นมงคล
เลยไม่ชอบให้นกนางแอ่น
หรือนกมาอาศัยในบ้าน
ที่ปัตตานีก็เช่นกัน
มีบ้านที่ติดกับบ้านนกนางแอ่นอยู่หลังหนึ่ง
ข้างบ้านเล่าให้ฟัง
สมัยไปช่วยงานที่ปัตตานี(หลายปีแล้ว)
แกบอกบ้านของแก
แกไล่ไม่ให้นกนางแอ่นมาอยู่
เพราะเชื่อว่าบ้านของคนอยู่
ไม่ใช่บ้านของนกอยู่
แล้วเล่าให้ฟังว่า
ลูกชายของข้างบ้าน
ที่เป็นบ้านรังนกนางแอ่น
มีอาการทางประสาท
เพราะให้นกนางแอ่นอยู่
สันนิษฐานปัจจุบันว่า
น่าจะมาจากเชื้อโรคของนกที่เป็นพาหะแห่งโรค
(ตอนนี้บ้านรังนกนางแอ่นที่ปัตตานี
ต้องจ้างยามเฝ้าตลอดกันขโมยขโจรไปลักรังนก)
ส่วนอีกแห่งหนึ่งคือ
โรงแรมซีเอสปัตตานี
โชคดีมาก คือ
สร้างห้องใต้ดินไว้เป็นที่จอดรถยนต์
สร้างเสร็จไม่นาน
นกนางแอ่นเข้าไปทำรังจำนวนมาก
เลยไม่ให้แขกผู้พักจอดรถยนต์แล้ว
ให้นกนางแอ่นอยู่แทนรถยนต์
ส่วนที่หาดใหญ่มีการสร้างบ้านให้นกนางแอ่นอยู่
สำหรับภาพเหล่านี้ต้องขออภัยเจ้าของบ้าน
ที่ไปแอบถ่ายมา
เพื่อประโยชน์แห่งการศึกษา
และเป็นสถานที่แนะนำให้คนทั่วไปได้ทราบว่า
บ้านหลังนี้มีอะไรเป็นจุดที่น่าสนใจบ้าง
ก็จะเริ่มต้นที่สายหนึ่งก่อนครับ
อาคารก่อนสุดสายหนึ่ง
จะเลี้ยวลงอุโมงค์ลอดทางรถไฟตึกสีน้ำตาลตามรูป
จะเป็นช่องทางให้นกนางแอ่นบินเข้าออก
โดยมากจะเปิดเทปเสียงนกนางแอ่น
เพื่อเป็นการปลุกเร้า
หรือเรียกให้นกนางแอ่นเข้ามามาก ๆ
อยู่ด้านข้างตึกสีน้ำตาลก็เป็นบ้านนกนางแอ่นเช่นกัน
ให้สังเกตท่อ พีวีซี ขนาดสองนิ้วโดยประมาณ
เป็นช่องทาง/ประตูให้นกนางแอ่นบินเข้าออก
ส่วนหนึ่งเป็นการป้องกันนกขนาดใหญ่
หรือนกเค้าแมวเข้ามาจับนกนางแอ่นกินด้วย
และต้องการให้ข้างในมีความมืดพอสมควร
เหมือนกับสภาพถ้ำตามธรรมชาติ
มีบ้านรังนกนางแอ่นอีกหลังตามภาพ
ให้สังเกตท่อ พีวีซี เช่นกัน
ประตูทางเข้าออกของนกนางแอ่น
อาคารหลังนี้ข้างล่างเป็นศูนย์การค้า
ชั้นบนการค้าไม่ค่อยมีสภาพคล่องดีนัก
ชั้นบนสุดเลยทำเป็นบ้านรังนกนางแอ่น
ช่วงเช้ากับช่วงเย็นจะได้ยินเสียงนกดังมาก
ให้เลยสี่แยกไฟเขียวไฟเหลืองไฟแดง
(ธนาคารกรุงเทพฯ) ก็จะเห็นตึกนี้
เหมือนกันสังเกตข้างบน
จะเป็นประตูเข้าออกของนกนางแอ่น
จะมีบ้านสองหลังที่ทำเป็นบ้านรังนกนางแอ่น
บ้านหลังแรกข้างล่างเป็นอพาร์ทเมนส์
แต่บนสุดทำเป็นบ้านรังนกนางแอ่น
อีกบ้านอยู่ด้านข้าง
ได้ประโยชน์โดยทำช่องสี่เหลี่ยม
และดัดแปลงสภาพให้นกนางแอ่นเข้ามาได้
เยื้องกับมูลนิธีท่งเซี้ยเซี่ยงตึ้งหาดใหญ่
(ตรงข้ามศาลพระพรหม)
ส่วนมากจะเป็นอาคารพาณิชยฺ์เดิม
แล้วมาต่อเติมเป็นบ้านรังนกนางแอ่น
แต่แถวปากพนังส่วนมาก
จะเป็นบ้านรังนกนางแอ่นสร้างขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ
เป็นที่ มาบอมฤต
จำไม่ได้ว่าอยู่จังหวัดสุราษฏร์ธานีหรือชุมพร
เพราะอยู่ใกล้ ๆ กันระหว่างสองจังหวัด
ช่วงไปท่องเที่ยวแถวนั้น
ให้สังเกตท่อพีวีซี
เป็นช่องประตูให้นกเข้าออก
เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่มาเยี่ยมชมหาดใหญ่
จะได้รับรู้และเป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างหนึ่ง
ก็ขอขอบคุณด้วยจิตคาระวะ/ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
สำหรับเจ้าของบ้านรังนกนางแอ่น
ที่ไปถ่ายมาเพื่อการเผยแพร่
และประโยชน์ในการศึกษาครับ
นกนางแอ่นมี 2 ชนิด คือ
1. นกนางแอ่น (Swallows) หรือ นกนางแอ่นบ้าน (Barn Swallow)วงศ์ Hirundinidae
2. นกแอ่น (Swiftlets) (มักจะเรียกใหม่ว่า นกนางแอ่นกินรัง หรือ นกแอ่น)วงศ์ Apoeidae
นกทั้งสองชนิดนี้ไม่มีความสัมพันธ์ต่อกันเลย อยู่ต่างกลุ่มสายพันธุ์
มันมีส่วนคล้ายคลึงกันมากทั้งรูปร่างละลักษณะของปีก ท่าบิน
1. นกนางแอ่น (Swallows) หรือ นกนางแอ่นบ้าน (Barn Swallow)
วงศ์ Hirundinidae
ปีกแต่ละข้างยาวและกว้างแผ่ออกเป็นรูปสามเหลี่ยม ไม่เรียวแหลม
จะสร้างรังด้วยใยของต้นไม้ผสมกับดินเหนียว
หรือดินโคลนผสมกับเศษพืช
บริเวณหน้าผาหรือตามบ้านเรือน
จะเห็นเกาะเป็นกลุ่มใหม่ที่อยู่ตามสายไฟฟ้า
บินฉวัดเฉวียนไล่จับแมลง
และเกาะหลับนอนตามเสาไฟฟ้า
ตามถนนสีลมสมัยก่อน กับ ที่เบตง จังหวัดยะลา ช่วงฤดูหนาว
สามารถพบเห็นได้บ่อยทั้งในเมืองใหญ่ ตามท้องไร่ท้องนา
นกนางแอ่นสายพันธุ์นี้ มีกระจายอยู่ทั่วโลกถึง 79 ชนิด
ที่พบในเมืองไทยมีอยู่ 10 ชนิด รวมทั้งนกเจ้าฟ้าสิรินธร
(นกหายากของโลก มีเพียงแห่งเดียวคือที่ บึงบรเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์)
2. นกแอ่น (Swiftlets) หรือ นกนางแอ่นกินรัง หรือ นกแอ่น
วงศ์ Apoeidae (ภาพวาดขาวดำ)
ปีกยาวและเรียวกว่า
ปีกจะเว้าเค้าไปมีลักษณะคล้ายเคียว
และเวลาบินจะกระพือปีกถี่กว่า
และบินได้เร็วกว่า
มีขาขนาดเล็ก และน้ำหนักเบามาก
ทำให้ปราดเปรียวเวลาบิน
นิ้วตีนของนกกลุ่มนี้ก็มีแค่ 3 นิ้วที่ชี้ไปข้างหน้าทั้งหมด
ไม่มีนิ้วที่ชี้ไปข้างหลัง
ทำให้ไม่มีนิ้วตีนหลังสำหรับเกาะยึด
นกกลุ่มนี้จึงเกาะตามสายไฟฟ้าหรือต้นไม้ไม่ได้
สร้างรังโดยแปะติดตามผนังถ้ำและสิ่งก่อสร้างต่างๆ
โดยใช้น้ำลายของตัวเองเป็นตัวเชื่อมรังยึดติดกับวัสดุอื่น
หรือด้วยใยของต้นไม้ผสมกับน้ำลายของนก
และมีบางชนิดที่สร้างรังด้วยน้ำลายล้วน ๆ ของตัวเองเพียงอย่างเดียว
รังของนกกลุ่มนี้เองที่มนุษย์นำมาใช้บริโภค
มีทั้งหมด 76 ชนิด ในเมืองไทยมี 12 ชนิด
เท่าที่เคยอ่านพบและพูดคุยกับคนขายรังนก
คนเฝ้าถ้ำสัมปทานจะเล่าว่าเก็บกันสามครั้งตามกฎหมาย
ครั้งที่หนึ่ง
จะเป็นรังขาวสะอาดมาก
เพราะเป็นรังแรก
ที่นกหากินอาหารอุดมสมบูรณ์
และเตรียมพร้อมจะวางไข่
โดยการสร้างรังสำหรับไข่ในอนาคต
จะเก็บก่อนนกจะวางไข่
ราคาแพงที่สุด
ครั้งที่สอง
นกจะต้องรีบสร้างรัง
เพื่อทดแทนรังที่หายไป
เพื่อวางไข่ให้ได้สำหรับไข่ที่จะเริ่มออกมา
จึงเริ่มสกปรกเพราะผสมหลายอย่าง
มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้มีสภาพเป็นรังพร้อมวางไข่
หรือบางรังไม่มีการผสมอย่างอื่นเป็นน้ำลายนกล้วน ๆ
ทำให้บางรังมีสีแดง
เพราะสำรอกเลือดนกออกมา
บางเจ้าบอกว่ารังนกเลือด (ราคาแพงสุด)
บางเจ้าบอกว่าเป็นสาหร่ายหรืออาหารที่นกกินมา
บางงานวิจัยบอกว่าเป็นสนิมของทองแดง
ตอนนี้ก็จะเปิดโอกาสให้นกวางไข่แล้วรอฟักลูกเป็นตัว
พร้อมบินจากไปตามธรรมชาติของนก
ครั้งที่สาม
หลังจากนกฟักไข่แล้ว
หรือนกนางแอ่นทิ้งรังไปแล้ว
ก็จะเริ่มเก็บอีกรอบ
แต่ตอนนี้รังนกจะสกปรกมาก
เพราะมีเศษอาหาร/ขนนกปะปนมาก
ราคาจะถูกลงมาตามลำดับของครั้งของการเก็บ
เรียบเรียงตามความทรงจำและข้อมูลที่ได้มา
อาจจะผิดพลาดก็ได้ในส่วนนี้
ต้องขอขอบคุณเจ้าของภาพเหล่านี้
ขออนุญาตใช้เพื่อประกอบการศึกษา
และเพื่อประโยชน์สาธารณะในเรื่องนี้
ความคิดเห็น
ได้ที่
http://vuthmail-swiftlet.blogspot.com/
Vuthmail-Thailand