ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

The Body Shop ในปี คศ.1976 Anita Roddick
ได้เปิดร้านค้าขนาดเล็ก ๆ
ที่หน้าร้านใน Brigthton สหราชอาณาจักรอังกฤษ
ขายโลชั่นสำหรับผิวกาย

ทุกวันนี้มีร้านค้าในเครือ
เชิดหน้าชูตาไม่ต่ำกว่า 1,500 สาขาใน 47 ประเทศ
บริษัททำการผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง
ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ และใช้วัสดุหีบห่อน่าสนใจ
จากวัตถุดิบที่นำมากลับมาใช้ได้อีก(Reycle)
ส่วนผสมเครื่องสำอางจำนวนมาก
มาจากพืชและจำนวนมากที่มาจากประเทศด้อยพัฒนา
ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดไม่มีการใช้สัตว์ในการทดลองเครื่องสำอาง
(ทดสอบว่ามีการแพ้หรือไม่กับเครื่องสำอางแต่ละชนิด)

ขณะเดียวกันบริษัทก็มีส่วน
ช่วยประเทศด้อยพัฒนาเหล่านี้ในทางการค้า
มากกว่าพันธกิจที่จำเป็นต้องให้การสงเคราะห์ด้วยเงิน
เป็นการให้ความช่วยเหลือ
เพื่อความสำเร็จร่วมกันของชุมชน
ในการปกป้องอนุรักษ์ป่าฝน
มีกิจกรรมที่ก้าวหน้ามากในกลุ่มสตรี
ประเด็นในการป้องกันโรคเอดส์
และเป็นตัวอย่างในการใช้วัสดุที่นำกลับมาใช้ได้อีก

แน่นอนก็เหมือนกับหลาย ๆ บริษัท
ที่ต้องเผชิญหน้ากับความรับผิดชอบต่อสังคม
และผลกำไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

The Body Shop ก็ต้องเผชิญหน้ากับ
การตรวจสอบอย่างจริงจัง
มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับ
จริยธรรมของบริษัทในเรื่องเหล่านี้
บริษัทตกเป็นจำเลยของความสำเร็จของตนเอง
ได้รับการท้าทายจากกลุ่มคนหนุ่มสาว
และกลุ่มที่กระตืนรือร้น
ที่ได้รับการอุปการคุณ
/สนับสนุนจากผู้ให้การสนับสนุน
ที่ต่างมีแรงกระตุ้น
และแรงบันดาลใจในเรื่องเหล่านี้

แต่สำหรับบริษัทคู่แข่งขัน เช่น
Bath&Body Works, Avenda และ Origins
ต่างไม่ได้รับการขัดขวาง
หรือต่อต้านในเรื่องพันธกิจเลย
หรือต้องรับผิดชอบต่อสังคม
เลยไม่ที่มีต้นทุนสูงในเรื่องนี้

ผลของยอดขายในร้านที่ลดลงอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา
มีผลสะเทือนอย่างมากต่อ The Body Shop
การบริหารจัดการและ
การนำสินค้าเข้าไปในตลาดสหรัฐ
แม้ว่า Anita Roddick ผู้ก้าวร้าว
และพูดจาโผงผาง
ได้ลงจากตำแหน่ง CEO แล้วก็ตาม

แต่เธอก็ยังกระตือรือร้นในธุรกิจ
และกิจกรรมที่ยุ่งยาก
การจัดการเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมในเรื่องนี้
และการพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบใหม่

หนึ่งในการริเริ่มของเธอก็คือ Hemp
หนึ่งในสายการผลิตจากเมล็ดน้ำมันพืช
จากไม้ล้มลุกเนื้ออ่อนปอ
การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
จะทำให้ The Body Shop
กลับไปสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้ง
และเพิ่มรอบหมุนเวียนการขายได้หลายครั้ง
ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจาก
บรรดากลุ่มอุตสาหกรรมไม้ล้มลุกเนื้ออ่อนประเภท ปอ
และกลุ่มต่อต้านสารเสพติด ประเภท กัญชา
ทุกคนต่างยอมรับว่า
พืชชนิดนี้เป็นพืชโตเร็ว
มีส่วนในการเป็นมิตรกับ
สภาพแวดล้อมธรรมชาติ
และเป็นตัวเลือกที่ใช้ทดแทนต้นไม้
ที่ใช้นำมาผลิตกระดาษ ใยผ้า
และสินค้าอื่น ๆ อีกได้จำนวนมาก

สายการผลิตแบบนี้
จึงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง
ทั้งในด้านการบรรจุหีบห่อ
และตอบสนองต่อปรัชญาของบริษัท
เรื่องการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม
อย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

เรียบเรียงจาก Marketing Management ของ Philip Kotler

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บ้านรังนกนางแอ่น(กินรัง)

เรื่องเล่าจากคนทำป้ายสุสานจีน

ขอโทษทันทีเมื่อส่งอีเมล์ผิดพลาด