ครูประจำชั้น ป 2 ก.

ครูที่ยังจำได้ชั้น ป.2 ก.

ครูที่ยังจำได้ ครูประถมศึกษาปีที่ 2 ก.

ครูประจำชั้นชื่อ ครูประถม สุวรรณสุโข
เป็นครูรูปร่างสันทัด ผิวขาวอารมณ์ดี
แต่เวลาลงโทษเด็กนักเรียน
ชอบใช้มือตบหลังเด็กนักเรียนดังมาก
ที่จำได้ว่าโดนแกตีครั้งหนึ่ง
เพราะกลับเพื่อนอีกคนชวนกันแอบหนีไปเข้าห้องน้ำ
ช่วงกำลังเรียน แต่ถูกแกจับได้เลยโดนกันทั้งสองคน
แต่สำหรับคนที่แอบหนีไปแล้วแกจับไม่ได้
ก็จะมีการแสดงออกหน้าออกตาว่า แน่หรือเป็นฮีโร่
ในสมัยนั้นครูทำโทษเด็กนักเรียนถือว่าเป็นเรื่องปกติ
พ่อแม่มักจะไม่ถือโทษโกรธหรือเอาเรื่องครู
ซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างกับปัจจุบันมาก
ที่ผู้ปกครองนักเรียนบางคนในบางโรงเรียนหรือบางแห่ง
มักจะมีการแจ้งความเอาเรื่องกันถึงที่สุด
หรือให้ย้ายครูโรงเรียนนั้นออกไปเลย
สมัยนั้นพ่อแม่มักจะบอกว่าดีเป็นการกำราบ
หรือลงโทษนักเรียนที่มีปัญหาในเวลาเรียน
ถ้าโดนครูตีกลับบ้านมักจะโดนตีซ้ำอีก

สมัยนั้นครูประจำชั้นคนเดียวสอนทุกวิชา
มีการสอนคือ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ
โดยสอนแล้วให้ทำการบ้านเงียบ ๆ แล้วส่งตรวจภายใน
เวลาเรียน นาน ๆ จะมีงานให้กลับไปทำที่บ้านสักครั้งหนึ่ง
ส่วนมากจะตรวจงานในเวลาเรียนเลย
ใครทำผิดก็ไปพบตัวต่อตัวแล้วสอนแก้ไขให้เป็นรายตัว
หรือสอนทั้งชั้นเรียนใหม่เลยถ้าผิดกันหลายคน

ช่วงนั้นถ้าจำไม่ผิดเริ่มมีการสอนการบวก-ลบ เลขสองหลัก
และการคูณแบบง่าย ๆ ช่วงเทอมปลาย
มีการท่องสูตรคูณตั้งแต่
สองหนึ่งสอง สองสองสี่ จนถึงแม่สิบสอง
บางวันก็ท่องอาขยานกันทุกเย็น
แข่งขันกันระหว่างห้องเรียนก่อนเลิกเรียนประจำวัน

นอกจากนั้น จำได้แต่ครั้งหนึ่ง มีนกพิราบตัวหนึ่ง
มีอาการคล้ายกับบาดเจ็บ ครูให้เพื่อนนักเรียนในห้อง
(ใช้ แซ่ว่อง) ออกไปวิ่งไล่จับนกตัวนั้น
ที่เห็นเพราะห้องเรียนอยู่ตรงกันข้ามกับสนามบาสเก็ตบอล
ปรากฏว่าทั้งห้องหัวเราะกันสนุกสนาน
หายง่วงกันไปตาม ๆ กัน
ครูใช้เพี่อนคนนี้เพราะบ้านเพี่อนเป็นพ่อค้า
คนกลางรายใหญ่สุดที่ขายไก่ส่งตลาดหาดใหญ่
ก่อนที่จะถูกไก่ซีพี/คนไทยมุสลิมมาแย่งส่วนแบ่งการตลาด
จนต้องเลิกกิจการตลาดกลางขายไก่
ตั้งอยู่ที่ถนนรัถการทางไปตลาดสด
ไปทำโรงแรมฮอลิเดย์อินน์ (ตอนนี้เปลี่ยนเจ้าของแล้ว)
ทราบข่าวสุดท้ายว่าเพื่อนคนนี้ไปเปิดร้าน
ขายจิวเวอรรี่อยู่ที่กรุงเทพฯ
จำไม่ได้ว่าศูนย์การค้าแห่งไหน

ครูประถมเคยบอกว่า เด็กนักเรียนคนไหนไม่เข้าใจ
หรืออยากเรียนพิเศษฟรีตอนเย็นหลังเลิกเรียน
ช่วงประมาณห้าหกโมงเย็นก็ไปหาแกที่บ้านได้
ก็เคยไปกับเพื่อนสองสามคนเรียนกับแกที่บ้าน
แถววัดโคกสมานคุณ จำได้ว่าไปครั้งสองครั้งก็เลิกเรียน
เพราะก็ไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรเพิ่มเติมอีก
แกก็ไม่ได้สอนอะไรเพิ่มเติมอีกไม่ต่างกับในห้องเรียน
นอกจากให้เอาสมุดเรียนมาดูเพิ่มเติม
การไปสมัยนั้นมักจะขับรถจักรยานตาม ๆ กันไป
สมัยนั้นถือว่าไกลพอสมควรสำหรับเด็กนักเรียนวัยนั้น
อีกอย่างวัยนั้นมีอะไรสนุกกว่าในการไปเรียนต่อช่วงเย็น
เช่น การเตะฟุตบอล หนีพ่อแม่ไปว่ายน้ำ ช่วยงานบ้าน
หรือการพูดคุยสนุกสนานกับเพื่อน ๆ มากกว่า เป็นต้น

แต่ที่แน่ ๆ คือ ต้องไปเรียนภาษาจีนหรือหนังสือจีน
กับครูจีนวันละหนึ่งชั่วโมงเศษ
หลังเลิกเรียนประมาณสี่โมงเย็น
สมัยนั้นโรงเรียนเลิกเรียนเวลาสามโมงเย็น
โดยเดินไปเรียนกับพี่ชายและน้องสาว
ที่บ้านของครูจีนด้านข้างโรงเรียนศรีนคร
ครูคนนี้เคยเป็นครูสอนภาษาจีน/อังกฤษ
ที่โรงเรียนศรีนครแห่งนี้มาก่อน

สมัยนั้นเป็นโรงเรียนศรีนครเป็นโรงเรียนร้าง
เพราะถูกรัฐบาลเผด็จการสั่งปิดไปก่อนหน้านั้น
เพราะมีการเรียนการสอนภาษาจีน
เลยถูกข้าราชการในท้องถิ่นรายงานไป
ด้วยข้อหาฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์
กอปรกับรัฐบาลชุดนั้นเกลียดกลัวจีนแดงมาก
รวมทั้งการที่หาดใหญ่ใกล้กับมาเลย์
ที่มีพรรคคอมมิวนิสต์มลายา ที่มีจีนเป็งเป็นหัวหน้าใหญ่
มีการเคลื่อนไหวที่สะเดา นาทวี เบตง
เลยผนวกสองเรื่องเข้าด้วยกันให้น่ากลัวมากยิ่งขึ้น
ถ้าลูกหลานคนจีนรู้ภาษาจีนมากขึ้น

ช่วงทำงานที่สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง
เคยเจอเจ้าหน้าที่สรรพากรผู้ชายคนหนึ่งนามสกุลนี้
ก็เลยถามว่ารู้จักครูประถมหรือไม่
แกบอกว่าเป็นพ่อของแกเอง
เลยถามว่าตอนนี้ครูอยู่ที่ไหน
แกบอกว่าเกษียณอายุแล้ว
หลังจากสอบบรรจุได้แล้วเลยลาออกไปรับราชการครู
ตอนนี้มีบ้านอยู่ที่อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา

มีข้อที่น่าสังเกตอย่างคือ
นามสกุลคนภาคใต้ที่ลงท้ายด้วย
สระโอ มักจะเป็นคนมาจากจังหวัดสงขลา
เช่น สุวรรณโณ ปุสวิโร สังฆะโน พัฒโน
ส่วนถ้าขึ้นต้น/ลงท้ายด้วย คง
ภาษาใต้อีกความหมายคือ ข้าวโพด
สันนิษฐานได้ว่ามักจะเป็นคนพัทลุง
เช่น คงแก้ว ชูคง คงสุวรรณ คงนวล เป็นตัน

นี่คือความทรงจำถึงครูอีกท่านหนึ่ง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บ้านรังนกนางแอ่น(กินรัง)

เรื่องเล่าจากคนทำป้ายสุสานจีน

ขอโทษทันทีเมื่อส่งอีเมล์ผิดพลาด