ครูประจำชั้น ป 6 ง.

ครูที่ยังจำได้ ชั้นป.6.ง.

ครูที่ยังจำได้ ชั้นประถมปีที่ 6 ง.

ผลการเรียนชั้นประถมปีที่ 5 ก.
ผ่านไปอย่างทุลักทุเลและทุเรศมาก
คณิตศาสตร์ก็อ่อนแอ เศษส่วนก็ไม่รู้เรื่อง
เรขาคณิต เส้นตรงเส้นหนึ่งตั้งอยู่บนเส้นตรงอีกเส้นหนึ่ง
มุมประชิดรวมกันได้....องศา แล้วก็ ซตพ. หรือ QED
หลายวิชาถ้าเป็นปัจจุบันก็ต้องพูดว่ายังต้องพัฒนา
หรือเรียกกันแบบภาษาปากก็คือ ยัง..มาก
เลยตกหล่นไปอยู่ห้องบ้วยสุดของโรงเรียน
คือห้อง ง. ถ้าจำไม่ผิดก็ถูกไม้เรียวแม่หวดในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

ห้อง ง. เป็นห้องที่รวบรวมเด็กนักเรียนที่
ผลการเรียนอ่อนที่สุดไว้ประเภทหนึ่ง
นักเรียนที่เรียนตกซ้ำชั้นประถมปีที่ 5
ความประพฤติต้องควบคุมดูและเป็นพิเศษ
เด็กนักเรียนที่ย้ายมาจากโรงเรียนอื่นประเภทสาม
เพราะนโยบายสมัยนั้นหรือสมัยนี้ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก
คือ เด็กนักเรียนเก่ง ๆ ก็จะรวบรวมไว้ห้องเดียวกัน
เพราะสะดวกในการเรียนการสอนของครูและนักเรียน
การคละกันก็จะมีปัญหาความพร้อมในการเรียนการสอน
นโยบายของรัฐก็เป็นได้แค่โรงเรียนในฝัน

ครูประจำชั้นจำได้สนิทว่าชื่อ
ครูเสน่ห์ นันทวิสุทธิ์
ถ้าจำไม่ผิดเป็นนักเรียนที่จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม
จากโรงเรียนสารสิทธิ์พิทยาลัย (บ้านโป่ง ราชบุรี)
โรงเรียนคาทอลิคของโรมันคาทอลิคเช่นกัน
ครูแกบอกว่าอยากศึกษาท่องเที่ยวและเรียนรู้ชีวิตในต่างจังหวัด
กอปรกับแกนับถือศาสนาคริสต์เช่นกัน
เป็นครูหนุ่มที่หน้าตาหล่อมาก
และพูดจาไพเราะ สอนวิชาวิทยาศาสตร์
ที่บอกได้เช่นนี้เพราะ โรงเรียนมีนโยบายว่า
ปีละครั้งจะต้องให้ครูประจำชั้นไปเยี่ยมเยียนที่บ้านเด็กนักเรียน
เพื่อพบปะกับพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียน
เว้นแต่เด็กที่อยู่ต่างจังหวัดหรือนักเรียนประจำ
เรื่องนี้ผู้ปกครองเด็กหลายคนชมเรื่องหน้าตาครูคนนี้

จำได้ครั้งหนึ่งเคย search หาชื่อนามสกุลครูดูในทะเบียนโทรศัพท์
ก็พบชื่อที่อยู่ แต่จด ๆ ไว้หายไป ไม่ได้รีบโทรศัพท์สอบถามดู
ลองค้นหาอีกครั้งก็ไม่พบแล้ว
เพราะอยากสอบถามแกเหมือนกันว่า
นานแล้วที่ไม่เจอและหลังจากออกจากโรงเรียนแสงทองวิทยา
ไม่ทราบว่าแกไปอยู่ที่ไหนอีกบ้าง

แกเป็นครูประจำชั้นที่ใจดีและใจเย็นคนหนึ่งมาก
เด็กนักเรียนที่เฮี้ยว ๆ แม้ว่าครูคนอื่นจะฟ้องแกอย่างไร
สมุดพกเด็กนักเรียนก็เขียนว่าอุปนิสัยดี สุภาพเรียบร้อย สุขภาพแข็งแรง
แต่คงไม่ใช่ระบุว่า อุปนิสัยอ่อนแอ สุขภาพเรียบร้อย แต่อย่างใด
สรุปว่าแกไม่เคยมีการระบุความประพฤติที่มีปัญหาแต่อย่างใด
ให้เป็นปัญหากับเด็กนักเรียนหรือผู้ปกครองเลย
ที่จำได้ครั้งหนึ่งเคยรวมหัวกับเพื่อนร่วมห้าคน
ประท้วงว่า ไม่เอาเราไม่เรียน วิชาคณิตศาสตร์
ครูที่สอนชื่อ ครูเชื้อ สนธิกุล (ถ้าจำไม่ผิด)
ที่มาสอนแทนครูวิชาอื่น
แกหน้าเสียเหมือนกันในเรื่องนี้
เลยเรียกพวกประท้วงไปตำหนิและแจ้งครูประจำชั้นให้ทราบ
แต่ก็ไม่ปรากฎในสมุดรายงานแต่อย่างใด

ในสมัยนั้นอธิการโรงเรียนแสงทองวิทยา
มีสมัยนิยมคือแจกสมุดเล่มสีเขียวเล็ก ๆ
บรรจุระเบียบข้อบังคับโรงเรียน
และคำสอนคติพจน์ของศาสนาคริสต์ไว้ในสมุดเล่มนี้
เวลาอบรมให้โอวาสก็ย้ำก็เตือนให้อ่านให้ท่องเล่มนี้ให้ได้
และบังคับให้มาออกข้อสอบในวิชาศีลธรรมด้วย
ลืมเล่าไปว่าวิชาศีลธรรมสมัยนั้นสอนแต่เรื่องศาสนาคริสต์
ศาสนาพุทธไม่เคยสอนแต่อย่างใด มีสอนก็อยู่ปนกับวิชาอื่น
ทำให้สวดมนตร์หรือท่องคำสวดไม่เป็นเลยจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ตอนไปเรียนต่อกรุงเทพฯ จึงพอรู้ประสาบ้าง

การพกสมุดระเบียบเล่มสีเขียว
ไม่ต่างกับพวกเร็ดการ์ดหรือพวกบ้าลัทธิสมัยก่อน
ที่ต้องมีสมุดสีแดงหรือสมุดคำสอนลัทธิประจำตัวตลอดเวลา
เล่มแรกอธิการแจกให้ แต่ถ้าไม่พกมาเวลาตรวจ
ก็จะหักคะแนนความประพฤติห้าคะแนน
แต่ถ้าไปซื้อจำไม่ได้ว่าเล่มละสองบาทหรือห้าบาท
เรียกว่าค้ากำไรกันเกินควร ขูดรีดทางชนชั้นอะไรทำนองนั้นเชียวแหละ
สำหรับเรื่องนี้เวลาให้ครูประจำชั้นตรวจ
แกก็มักจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นบ้าง
แต่ถ้าครูคนอื่นตรวจหรืออธิการมาตรวจ
เรียกว่าโดนกันเป็นประจำ
อย่างว่า ครูหลายคนที่สอนมักจะไม่ค่อยชอบเด็กห้องนี้ส่วนหนึ่งอยู่แล้ว
เรียกว่า ชอบคุยกันในเวลาเรียน การบ้านก็ไม่ค่อยยอมส่ง ไม่รับผิดชอบ
อะไรทำนองนั้น แต่ส่วนเด็กที่ขยันก็ขยันมาก
เพราะถ้าเรียนได้ลำดับหนึ่งถึงสิบก็มีสิทธิ์ย้ายไปห้อง ก.-ค ทีเดียวแหละ

จำสภาพห้องเรียนได้คือ
โต๊ะนักเรียนเป็นแบบคู่คือเป็นแบบโต๊ะเรียนและเก้าอี้ทำคู่กัน
นั่งเรียนพร้อมกันสองคน เลิกเรียนก็ต้องนำกระเป๋านักเรียนกลับบ้าน
ทั้งหมดไม่มีการวางไว้ที่โต๊ะเรียน ไม่มีลิ้นชักปิดเปิด
เวลาทำเวรตอนเย็นก็กวาด ๆ แล้วก็กลับบ้านได้
แต่ถ้ามีรายการศึกวันทรงชัย
ก็จะมีแรงงานเพื่อนร่วมห้องช่วยกันยกตั้งวางเป็นแถวให้
เป็นคอกมวยสี่เหลื่ยมไว้เป็นทีทำศึกวันทรงชัย หรือล้างตากันให้หายสงสัย
เรียกว่า นักมวยมีหน้าที่ต่อยกันอย่างเดียว
ไทยมุงหรือกองเชียร์ทำหน้าที่ยกโต๊ะเก็บโต๊ะให้ทั้งก่อนและหลังศึกล้างตา
ถ้าจำไม่ผิดก็เคยใช้บริการสองครั้ง
กลับบ้านหน้าบวมแดงโดนแม่ตีซ้ำเรื่องนี้
กับเพื่อนที่ก่อศึกวันทรงชัยยังจำกันได้ดี
พูดคุยเรื่องนี้ทีไรก็ยังขำกันไม่หายสักที

ครูเสน่ห์เคยมาพบเพื่อนอีกคู่หนึ่งในวันศึกทรงชัย
จำได้แกก็ไม่ถึงกลับห้ามปรามอะไร
ปล่อย ๆ ให้จัดการกันเสร็จแล้วก็แล้วกันไป
เพราะพอเสร็จแล้วก็มักจะจับมือคืนดีกัน
คงเข้าใจว่าเป็นวัยของเด็กกำลังจะเริ่มแตกหนุ่ม
หรืออยากลองกำลังตามประสาเด็กที่เลียนแบบรุ่นพี่
แต่หลังจากนั้นศึกวันทรงชัย
ก็ย้ายสนามมวยไปอีกที่แห่งหนึ่ง
คือโรงเรียนศรีนครวิทยา ก่อนที่จะเป็นโรงเรียนอีกครั้ง
ขอทบทวนความจำก่อนจะเขียนในส่วนนี้

นี่คือความทรงจำถึงครูประจำชั้นคนหนึ่ง
เขียนไว้ก่อนที่ความทรงจำจะเลือนหายไป



ภาพโต๊ะนักเรียนสมัยก่อน ใกล้เคียงแต่ไม่ใช่
ของเดิมเป็นไม้ทั้งหมดและทาสีดำ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บ้านรังนกนางแอ่น(กินรัง)

เรื่องเล่าจากคนทำป้ายสุสานจีน

ขอโทษทันทีเมื่อส่งอีเมล์ผิดพลาด