เถ้าแก่ยีบเจ็ด

ยังจำได้ว่ามีรถเข็นคันใหญ่
บรรทุกโถใส่น้ำดื่มประเภท น้ำแดง น้ำเขียว น้ำสัปรส น้ำลิ้นจี่ น้ำลำไย
มีลังไม้หุ้มด้วยสังกะสีหรือแสตนเลสขนาดใหญ่(ถ้าจำไม่ผิด)
ใส่น้ำแข็งก้อนแบบทุบที่ดึงออกมาจากรถได้
พร้อมถังน้ำใส่น้ำไว้ล้างแก้วที่นักเรียนดื่มเสร็จแล้วสองถัง
รถรุนขายอยู่บนถนนหน้าเส้นทางเข้าออกโรงเรียนแสงทองวิทยา
พอจำได้ว่าเคยซื้ออยู่ช่วงวันไหนที่มีเงินเหลือเก็บจากเมื่อวาน
หรือช่วงเดินกลับบ้านตอนเย็นแล้วยังมีเงินเหลือบ้าง
แต่ส่วนมากก็จะไม่มีเงินเพียงพอในการซื้อ
เพราะใช้ในช่วงพักกับช่วงกลางวันก็หมดแล้ว
หรือบางครั้งก็พยายามเก็บเงินออม/สะสมตามนโยบายประหยัด
หรือได้รับจากการอบรมในเรื่องการอดออมจากครู

ต่อมาเริ่มสังเกตว่า
ทำไมจึงมีเด็กนักเรียนรุ่นพี่และรุ่น ๆ กันมุงอยู่กับคนขายน้ำคนนี้
เป็นกลุ่มใหญ่ ๆ และมีเสียงเฮฮากันตลอด
สอบถามเพื่อนสนิทที่เข้าไปในกลุ่มจึงทราบว่า
กำลังเล่นการพนันประเภทหนึ่งกับคนขายน้ำรายนี้

คนขายน้ำรายนี้เป็นลูกจีนค่อนข้างท้วมหน้าสี่เหลี่ยมวัยหนุ่มวัยฉกรรจ์
ในช่วงที่เริ่มรุนรถเข็นมาขายน้ำที่หน้าโรงเรียนแสงทองวิทยา
นักเรียนรุ่นพี่พยายามสอบถามสืบเสาะชื่อจริงชื่อเล่น
แกก็ไม่ยอมบอกหรือให้คนรู้ว่าแกชื่ออะไร
จนมีครั้งหนึ่งมีคนถามว่าตอนนี้แกอายุเท่าไร
แกเลยบอกว่าแกอายุยี่สิบเจ็ดปี
ตั้งแต่นั้นเลยเรียกกันต่อมาว่า ยี่สิบเจ็ด หรือเรียกเร็ว ๆ ว่า ยีบเจ็ด
เป็นฉายาและชื่อประจำตัวแกมาตลอดในกลุ่มเด็กนักเรียนแสงทอง

แต่บางคนบอกว่าน่าจะมาจากการสันนิษฐานจาก
ที่แกชอบมาเล่นกับเด็กนักเรียนคือ
เป็นลวดเหล็กแข็งที่ทำจากซี่กรงล้อจักรยานยาวประมาณหกนิ้ว
แล้วขีดเป็นเส้น ๆ แทนหมายเลขหนึ่งถึงเก้า
ใส่ไว้ในกระบอกเหล็กทรงกลมพวกท่อน้ำหรือกระบอกทองเหลือง
แล้วหมุน ๆ ให้ดึงเหล็กก้านดังกล่าวขึ้นมา
หรือไม่ก็ใส่ในถุงผ้าสีมืดทึบแล้วให้ดึงก้านเหล็กขึ้นมา
จากแรกเริ่มก็เป็นการให้ดึงทายหมายเลข
ถ้าทายถูกก็ได้กินฟรีหรือแถมอีกหนึ่งแก้วเป็นต้น

ต่อมาก็พัฒนามาเป็นการเล่นพนัน
คือมีการเพิ่มจำนวนสามก้านต่อเลขหมาย
รวมแล้วได้จำนวนยี่สิบเจ็ดอัน
เวลาเล่นพนันก็เล่นได้หลายแบบ
เช่น ทายว่าอันที่ดึงออกเลขอะไร
จะแทงเป็นเลขสูง (6-9) หรือเลขต่ำ (1-4)
ถ้าเลขกลางคือ 5 เจ้ามือกิน (โอกาสเจ้ามือมากกว่าอยู่แล้ว)
หรือเล่นแบบแทงสองอันให้ได้เก้าแต้มหรือสิบแต้ม
หรือแล้วแต่เลขที่จะตกลงกัน
ส่วนถ้าแบบสามแต้มก็อาจจะเล่นแบบยี่สิบหนึ่งแต้ม
หรือแบบยอดรวมคือยี่สิบเจ็ดแต้ม เป็นต้น
(ถ้าเขียนผิดพลาดก็โปรดแจ้งด้วย
เพราะลืมเลีอนไปมากแล้ว เนื่องจากแค่เมียงมอง
และสอบถามจากเพื่อนมาเขียนจากความทรงจำ)

เด็กนักเรียนที่ชอบเล่นพนันกับแก
ก็มักจะมุงรอบตัวแกแล้วพนันกันในอัตราต่ำ ๆ
บางครั้งเกิดลูกติดพันมากในช่วงมีการแทงการลุ้น
ใครจะมาซื้อน้ำแกก็บอกให้ตักเอง
เด็กหลายคนเลยถือโอกาสตักเติมฟรี
หรือไม่ก็ไม่จ่ายตังค์แกเสียเลยก็มี

กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการละเล่น
หรือความบันเทิงส่วนหนึ่งของเด็กนักเรียน
สร้างเสียงเฮฮาและสนุกสนานได้ลุ้นกันมาก
คาดว่าเงินทองได้เสียคงไม่กี่บาท
เพราะน้ำสมัยนั้นแก้วละหนึ่งบาทหรือสองบาทหรือไง
บางครั้งดังมาก ๆ ก็จะมีครูโรงเรียนเดินมาดู
แกก็จะหยุดไปสักพัก
พร้อม ๆ กับนักเรียนรีบเก็บกระเป๋ากลับบ้านหลังเลิกเรียน
หรือเดินเข้าโรงเรียนตามปรกติตอนเช้าก่อนเข้าเรียน
แล้วเริ่มใหม่ในช่วงระยะเวลาที่
สี่สูญพูนสวัสดิ์
ภัยพิบัติลาภบ่มี

ต่อมาแกก็ได้เช่าแบ่งหน้าร้านบริเวณถนนธรรมนูญวิถี
ใกล้กับหัวมุมถนนสุคนธหงษ์ (สายสี่)
ที่ตอนนี้เป็นศูนย์การค้าโอเดิยน
(ใกล้ ๆ กับบริเวณที่มีการระเบิดกลางเมืองหาดใหญ่
แล้วมีคนที่ขับจักรยานยนต์ตายคาที่หนึ่งคน)
โดยในช่วงกลางคืนก็จะขายผัดราดหน้า (ประเภทเส้นหมี่ เส้นใหญ่(ก้วยเตี๋ยว))
ช่วงแรกช่วงเช้ากับช่วงเย็นก็ยังขายน้ำอยู่
แต่ต่อมาก็เลิกไปเลยเพราะคงจะเหนื่อยมาก
แกเลยขายผัดราดหน้าแต่เพียงอย่างเดียว
ส่วนอีกร้านที่เช่าร่วมกับแกขายแต่น้ำดื่มอย่างเดียว

สำหรับศิษย์เก่าแสงทองแล้ว
จะเป็นลูกค้าขาประจำกลุ่มใหญ่ของแกส่วนหนึ่ง
และมักจะชักชวนเพื่อนฝูงและญาติพี่น้องมาอุดหนุนแกด้วยส่วนหนึ่ง
รวมทั้งมีลูกค้าขาจรกับขาประจำที่ไม่เคยผ่านการเรียนที่แสงทอง
แต่ส่วนหนึ่งแกก็มีฝีมือดีพอตัวในการขายสินค้าด้วย
โดยก็ยังเรียกแกที่ชื่อฉายาเดิมว่า ร้านยี่สิบเจ็ด หรือ ยีบเจ็ด
แม้ว่าไม่มีป้ายชื่อร้านแต่ส่วนมากคนจะรู้จักว่าหมายถึงร้านไหน

เด็กแสงทองกลุ่มที่เคยเล่นพนันหรือที่สนิทกับแก
ถ้ามากันห้าหรือหกคนมักจะแกล้งแก
โดยไปกันแล้วมักจะสั่งคนละอย่างไม่เหมือนกัน
แกก็จะรับออร์เดอร์ (Order) ตามสั่ง
หรือบางครั้งแฟนแกมารับออร์เดอร์
แกก็จะหันไปมองดูกลุ่มทีสั่งอาหาร
ถ้าใช่กลุ่มเด็กแสงทองที่แกสนิทสนมแล้ว
แกมักจะผัดประเภทเดียวกันมาทั้งหมด
แล้วแต่ว่าช่วงนั้นกำลังเตรียมผัดอะไรอยู่

(ผัดราดหน้าที่หาดใหญ่ จะไม่มีการผัดวางเตรียมไว้
จะผัดแบบเป็นชุด ๆ แล้วค่อยราดหน้าพวกผักกับเนิ้อที่ผัดตามหลัง
หรือบางครั้งก็มีผัดแห้ง ผัดไข่ เช่น
ผัดก้วยเตี๋ยวราดหน้า ผัดหมี่เหลืองราดหน้า ผัดเส็นเล็กราดหน้า
เส้นใหญ่ผัดแห้ง หมีเหลืองผัดแห้ง เส้นเล็กผัดแห้ง
เฉพาะผัก+เนื้อราดหน้า หรือผัก+เนื้อผัดแห้ง เป็นต้น)

แล้วเดินมาเสริฟพร้อมกับถือตะหลิวมา
บอกจะกินหรือไม่กิน แกล้งกันใช่ไหม
ก็มักหัวเราะกันในกลุ่มเด็กแสงทองพร้อมกับแก
เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง
และไม่ค่อยจะถือสาหาความกันในเรื่องนี้
(อย่างที่ทราบถ้าทำตามออร์เดอร์
กว่าจะเสร็จห้าจานก็ประมาณอย่างเร็ว
จานละสามนาทีหรือสิบห้านาทีจึงจะครบตามออร์เดอร์
ถ้าไม่มีคิวรอรวมทั้งมีผลกระทบกับคิวรายอื่นด้วยเช่นกัน)

นิสัยส่วนหนึ่งของยีบเจ็ด
คือ แกชอบผัดไปจิบเหล้าไป
แม้ว่าจะได้รับไอร้อนจากเตาที่ผัดส่วนหนึ่ง
และจากสุราที่แกจิบไปผัดไป
พร้อมกับกลิ่นแก๊สกลิ่นอาหารกลิ่นน้ำมันที่ผัดราดหน้า
ทำให้ช่วงหลัง ๆ บางครั้ง
แกจะต้องไปเอาน้ำราดตัวเอง
ให้หายร้อนจากการผัดราดหน้า
ข่วงหลัง ๆ พอร้อนจัด ๆ
แกก็จะเดินมานั่งหน้าร้าน
แล้วมีอาการกระตุกบ้างเล็กน้อย
พอเอาน้ำเช็ดหรือราดก็บรรเทาลง

แต่ต่อมาก็มีอาการหนักขึ้น
คือ ไปนอนชักดิ้นชักงอหน้าร้าน
แฟนแกก็มักจะเอาน้ำไปเช็ดตามเนื้อตามตัว
ก็จะอาการดีขึ้นกลับมาทำงานได้อีก
แต่หลัง ๆ ก็ชักรำคาญเอาตะหลิวไปเคาะหัวเลย
แกก็จะฟื้นกลับมาทำงานต่อได้
สำหรับคนเดินผ่านไปมาก็อาจจะมุงดู
แต่คนที่เข้าใจหรืออุดหนุนร้านแกมาตลอด
ก็พูดกันว่า แกกำลังจัด Event เรียกลูกค้า
ก็ต่างคนต่างพูดต่างคนต่างคิด
เพราะการเข้าใจชีวิตเป็นเรื่องต่างจิตต่างใจ

ถึงวันพรากก็มาเดินทางมาถึง
วันนั้นแกไปนอนชักดิ้นชักงอหน้าร้าน
แฟนแกก็เอาตะหลิวไปเคาะหัวอีก
แต่ตอนนี้แกไม่ลุกขึ้นมาอีกแล้ว
นอนนิ่งอยู่ที่หน้าร้านจนผิดสังเกต
ไปตรวจอีกทีแกนอนนิ่งเสียแล้ว
เลยต้องพาส่งไปโรงพยาบาล
ก็ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น
(เท่าที่ฟังมา หมอลงความเห็นว่า
ตายเพราะเส้นเลือดในสมองแตก)

ร้านรวงที่ในอดีตที่แกเคยขายอยู่ก็ค่อย ๆ เงียบเหงา
แม้ว่าแฟนแกกับลูก ๆ จะเข้ามารับช่วงเป็นทายาทธุรกิจ
แต่คนเข้ามาอุดหนุนก็เริ่มลดน้อยถอยลง
กอปรกับฝีมือในการทำอาหารก็ยังด้อยกว่า
เจ้าของตำนานฉายา ยีบเจ็ด
เพราะความสนุกสนานกับเจ้าของตำนานยุติไปแล้ว
สุดท้ายก็ปิดตำนานด้วยการบอกเลิกสัญญาเช่าที่จากเจ้าของที่ดิน
แล้วรื้อทิ้งก่อสร้างใหม่หมด
จนเป็นศูนย์การค้าในปัจจุบัน
ปิดตำนาน ยีบเจ็ด หรือ ยี่สิบเจ็ด

เขียนขึ้นจากความทรงจำที่เลือนลาง
ก่อนที่จะลืมหายไปกับกาลเวลาที่กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บ้านรังนกนางแอ่น(กินรัง)

เรื่องเล่าจากคนทำป้ายสุสานจีน

ขอโทษทันทีเมื่อส่งอีเมล์ผิดพลาด