ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-ไฟไหม้

ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-ไฟไหม้

มีช่วงวันหนึ่งกำลังทำงานอยู่ในที่ทำงานธนาคารไทยแห่งแรก
ได้ยินเสียงรถหวอ(รถดับเพลิง) วิ่งผ่านหน้าที่ทำงาน
ก็ตามประสาไทยมุงต่างขออนุญาตหัวหน้างาน
เดินออกไปสอบถาม/แวะออกไปดูว่าไฟไหม้ที่ไหน
ขณะเดียวกันก็เห็นชาวบ้านจำนวนมาก
ต่างวิ่งออกจากเขต Nomain Land
ทำให้รู้ว่าในปาดังเบซาร์มีคนแอบแฝง
และอยู่อาศัยทำมาหากินจำนวนมากมาย
เพราะเท่าที่เห็นและเป็นอยู่ตามปรกติ
ก็เห็นจำนวนคนไม่มากมายอะไรนัก

อธิบาย Nomain Land คือ
เขตที่ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าเป็นของไทยหรือมาเลย์
แต่มีผู้มีอิทธิพล/กล้าลงทุนไปปลูกตึกแถวชั้นเดียวให้คนเช่า
ก็มีคนเข้าไปเช่าอาศัยอยู่จำนวนมาก
มีทั้งการเข้าไปทำการค้าขาย จุดพักสินค้าชายแดน บ่อนการพนัน
เพราะในเขตดังกล่าว การเข้าจับกุมผู้ต้องหาหรือตรวจค้นบ้านเรือน
จะต้องร่วมกันจากตำรวจของทั้งสองประเทศคือ ไทยกับมาเลย์
จึงจะทำได้ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
เว้นแต่จะใช้หลักนอกกฎหมายก็ทำได้เช่นกัน แต่ต้องนาน ๆ ครั้ง
หมายเหตุ ตอนนี้บ้านเรือนในเขตนี้ เป็นของมาเลย์ทั้งหมดแล้ว
เลยถูกเจ้าหน้าที่มาเลย์สั่งรื้อทิ้งทั้งหมดแล้ว

ช่วงไฟกำลังไหม้บ้านไม้อยู่นั้น
ก็มีรถดับเพลิงจากฝั่งมาเลย์
วิ่งเข้ามาช่วยดับไฟด้วยจำนวนสองคัน
เป็นความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในระดับท้องถิ่น
ที่ไม่ต้องอาศัยพิธีการทางการทูตระดับสูงแต่อย่างใด
เพราะที่ผ่านมาก็มีการช่วยเหลือข้ามประเทศกันหลายครั้งแล้ว

ในสมัยก่อนปาดังเบซาร์ทั้งฝั่งไทยและฝั่งมาเลย์
จะมีบ้านเรือนปลูกสร้างด้วยไม้จำนวนมาก
และเป็นโรงเรือนชั่วคราวพออยู่อาศัยได้
จึงมักจะมีเหตุไฟไหม้บ่อยครั้ง
และมีครั้งหนึ่งเป็นไฟไหม้ครั้งใหญ่
เรียกว่าเกือบล้างบางทั้งตำบลปาดังเบซาร์เลยทีเดียว
(ไว้มีโอกาสจะเขียนบันทึกไว้)

บ้านเรือนในปาดังเบซาร์สมัยก่อน
จะมีการพัฒนาบางส่วนเป็นบ้าน
ที่สมบูรณ์แบบเหมือนปัจจุบันมีน้อยมาก
เพราะชายแดนไทยมาเลย์ช่วงนั้น
เส้นกั้นพรมแดนก็ยังไม่ชัดเจน
การค้าก็ขึ้น ๆ ลง ๆ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย
คือ ปิดพรมแดนบ้าง เปิดพรมแดนบ้าง
จับของชายแดนอย่างจริงจังบ้าง ปล่อยบ้างจับบ้างเป็นต้น
ทำให้แต่ละคนไม้กล้าลงทุนอะไรมากมายนัก

ส่วนรถดับเพลิงที่ปาดังเบซาร์(ฝั่งไทย)
ในช่วงนั้นก็มีเพียงสองคันเท่านั้น
ตอนดับเพลิงก็ช่วยกันฉีดน้ำดับไฟแล้ว
ก็วิ่งไปเติมน้ำที่สระน้ำใกล้ ๆ เพราะน้ำหมดแท้งค์
พร้อมกับส่งเสียงหวอดังไปทั้งเมืองปาดังเบซาร์

แต่พอรถดับเพลิงมาเลย์เข้ามาถึง
ก็จัดการใช้วงจร Demming คือ PDCA
Plan Do Check Act
ให้รถดับเพลิงคันแรกไปใกล้จุดบ้านที่ไฟไหม้บ้าน
พอระยะที่สายยางดับเพลิงทำงานได้สะดวก
ส่วนคันที่สองก็เดินสายจ่อลงไปในสระน้ำที่ใกล้ ๆ
กับถนนสายที่ตรงไปวัดปาดังเบซาร์
แล้วสูบขึ้นใส่ถังดับเพลิงของรถยนต์คันที่สอง
เพื่อให้รถดับเพลิงคันแรกสูบน้ำไปฉีดดับไฟบ้านที่ไหม้
ผลปรากฎว่าใช้เวลาไม่เกินกว่าสิบห้านาทีก็ดับไฟได้เสร็จ
เพราะมีน้ำฉีดอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา
กับเริ่มมีรถดับเพลิงฝั่งไทยที่วิ่งมาสมทบภายหลัง
จากการวิ่งไปเติมน้ำให้เต็มถังเพื่อมาดับเพลิงอีก

ผลการทำงานดับเพลิงในครั้งนั้น
ทำให้เป็นที่กล่าวขานและหัวเราะสัพยอก(หยอกเย้ากันเล่น)
การทำงานดับเพลิงของเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยว่า
ยังดีที่โง่แล้วขยัน แต่ก็ทำงานได้แพ้คนแขกมาเลย์ที่ฉลาดกว่า
เพราะเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยเวลาเกิดปัญหาขึ้นมา
ก็มักจะมีอารมณ์ไม่นิ่งหรือเก็บอาการไม่อยู่ (ขาดสติ)
วิ่งวุ่นวายชุลมุนกันไปหมด
เพราะที่ผ่านมามักจะเป็นประเภททำงานกันไปวัน ๆ
ไม่คิดจะวางแผนทำงานหรือคิดเผื่อแก้ปัญหาอย่างใ ด
หรือทดสอบซ้อมย่อยซ้อมใหญ่ในการดับเพลิงกันเลย

แต่เหล้าขาวกลับพูดอีกแบบว่า
คนบางคนโง่แล้วขยัน ถึงแม้ว่าจะดีก็ตามแต่
แต่จริง ๆ แล้วกลับอันตรายกว่าพวกคนฉลาดแล้วขี้เกียจ
เพราะคนโง่มักจะทำอะไรต่อมิอะไร
ประเภทว่า ต้องลงมือทำก่อนคิด
ทำให้เสียหายยับเยินแบบไม่ยั้งคิดได้
ส่วนคนฉลาดที่ทำอะไรมักจะคิดก่อนทำเสมอ

เลยแกล้งถามเหล้าขาวว่า
"แล้วเหล้าขาวเป็นคนแบบไหน"

แกเลยศอกกลับมาว่า
"คนถามแบบนี้ มักจะเป็นคนประเภทแรกแน่นอน"

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บ้านรังนกนางแอ่น(กินรัง)

เรื่องเล่าจากคนทำป้ายสุสานจีน

ขอโทษทันทีเมื่อส่งอีเมล์ผิดพลาด