ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-ลูกเสือลูกมังกร

ชีวิตชายแดนปาดังเบซาร์-ลูกเสือลูกมังกร

มีครั้งหนึ่งเหล้าขาวได้มาติดต่อที่ธนาคารไทยแห่งแรก
ขอนำเงินบาทรุ่นเก่า ๆ และธนบัตรรุ่นใหม่ ๆ ที่เรียงลำดับ
ตั้งแต่หมายเลขหนึ่ง-ศูนย์ ๆ มาฝากไว้ที่ห้องมั่นคงของธนาคาร
ก็มีการพิจารณากันว่าจะช่วยเหลือแกอย่างไรบ้าง
เพราะความที่แกค่อนข้างสนิทสนมกับคนในธนาคารแทบทุกคน
เลยตกลงกันว่า นับจำนวนเงินฝากของแกทั้งหมดว่ามีเท่าไร
แล้วเก็บไว้เป็นสินทรัพย์สภาพคล่อง(เงินสด)ของธนาคารในแต่ละวัน

หลักเกณฑ์เบื้องต้นง่าย ๆ คือ
สมมุติเมื่อวานนี้(สิ้นวันทำการธนาคาร)
มีคนฝากเงินกับธนาคารรวมหมดทุกบัญชีหนึ่งร้อยล้านบาท
วันรุ่งขึ้นตามเกณฑ์ทั่วไป/ปกติก็จะมีคนมาเบิกเงินสดไม่เกินกว่ายี่สิบล้านบาท
คล้าย ๆ กับหลักพาเรโต 80:20 อะไรทำนองนั้น
ถ้าสามารถบริหารจัดการ/ประมาณการการเบิกเงินสดได้ดี ๆ
หรือมีความแม่นยำสูงว่า จะมีการเบิกน้อยกว่าร้อยละยี่สิบ
หรือมากกว่าร้อยละยี่สิบในช่วงเทศกาลต่าง ๆ
ธนาคารก็สามารถบริหารจัดการโดยการโอนเงินเข้าสำนักงานใหญ่
เพื่อรับส่วนแบ่งกำไรคืนในค่า PCE (Profit center earning)
จากการที่สำนักงานใหญ่นำเงินดังกล่าวไปปล่อยสินเชื่อแบบ call loan
หรือ Interbank Loan (เงินกู้ระหว่างสถาบันการเงินคิดดอกเบี้ยรายวัน
หรือให้บริษัทขนาดยักษ์ใหญ่จริง ๆ ได้กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยแบบนี้)

ระหว่างนั้นเหล้าขาวก็ทะยอยนำเงินมาฝากแบบนี้เป็นระยะ ๆ
ต่อมาวันหนึ่ง ในช่วงนับเงินฝากของเหล้าขาวที่เรียงลำดับ
ปรากฎว่าธนบัตรขาดหายไปสองใบจากจำนวนเงินฝากสองปึกใหญ่
ก็แจ้งเหล้าขาวทราบ เหล้าขาวก็ตกใจและแปลกใจ
บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะอยู่ในเก๊ะ(ลิ้นชัก)โต๊ะตนเอง
และที่บ้านก็ไม่มีใครยุ่งกับโต๊ะนี้แต่อย่างใด
เหล้าขาวเลยฝากเต็มจำนวนเงินฝากที่แจ้ง
โดยยอมนำเงินอีกสองฉบับทดแทนที่ขาดหายไป

สนิมเหล็กเกิดจากเนื้อเหล็กใน
ฟืนไฟเกิดขึ้นภายในบ้านดับยาก
เหล้าขาวตรวจสอบและสืบค้นข้อมูลจริง ๆ
ปรากฎเจอผู้ต้องสงสัยในบ้านตนเองจริง
เพราะเจอของเล่นเด็กหญิงที่ซื้อมาเล่น
เมื่อสอบถามแฟนเหล้าขาว กับลูก ๆ เหล้าขาวที่โตกันแล้ว
และมีรายได้จากธุรกิจชายแดนกันแล้ว
ก็ต่างบอกว่าไม่ได้ให้เงินไปซื้อแต่อย่างไร
เมื่อถามเด็กว่าซื้อมาจากไหน
เด็กก็บอกว่าซื้อมาจากร้านนั้น ๆ
เหล้าขาวก็ไปถามที่ร้านแห่งนั้น
ก็ยืนยันว่าเด็กคนนี้มาซื้อจริงพร้อมธนบัตรใบใหม่ ๆ
เหล้าขาวเลยขอแลกธนบัตรใบนั้นคืน
ทำให้ได้เงินเรียงลำดับเดิมที่หายไปคืน
เมื่อกลับมาก็ดุด่าและสั่งสอนว่า
ถ้าทำอย่างนี้อีก วันหลังไม่ต้องอยู่บ้านเดียวกันอีกต่อไป

เรื่องนี้เคยถามเหล้าขาวตอนแกอารมณ์ดี ๆ ว่า
โกรธมากหรือเปล่าในเรื่องนี้
แกยอมรับว่าโกรธพอสมควร
แต่ลูกแกต้องยอมรับว่า การลักขโมย คือ
ความผิดที่พ่อแม่ต้องอบรมสั่งสอน
ถ้าไม่อยากให้ลูกมาโทษภายหลังว่า พ่อแม่รังแกฉันในภายหลัง
เพราะไม่ต้องการหรือประสงค์ให้ลูกแกทำแบบนี้อีกเช่นกัน

แต่มาคิดอีกทีหนึ่งในฐานะเป็นพ่อแม่คน
จะบอกลูกตรง ๆ ว่า ภูมิใจและดีใจที่ลูกฉลาดแบบนี้ไม่ได้เช่นกัน
เพราะการดึงธนบัตรจากกลางไส้ธนบัตรแทนการดึงจากต้นหรือปลาย
แสดงว่าเด็กมีความคิดรอบคอบ และระมัดระวังพอสมควร
ที่จะทำให้เจ้าของทรัพย์สินไม่ทันระมัดระวังหรือสนใจมาก
การทำอย่างนี้ได้สมกับเป็นลูกเสือลูกมังกร
คือ สามารถเลียนแบบหรือเรียนรู้ความฉลาดตามคุณสมบัติพ่อแม่ได้

ก็คงเหมือนกับเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นเซียนพระ
ตอนนี้ไปทำมาหากินเป็นเซียนพระอยู่ที่เชียงใหม่
ปีหนึ่งจะกลับมาหาดใหญ่สองถึงสามครั้ง
มักจะชอบพูดสัจจะในกลุ่มเซียนพระให้ฟังเวลาถามแกว่า

ทำไมจึงมีการเล่นพระปลอมกัน
แล้วก็ยังมีคนเช่าพระปลอมกันเสมอ
รู้ทั้งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระสมเด็จ หรือ
หลวงพ่อทวดองค์แท้ ๆ จะเช่ากันในราคาถูก ๆ ไม่สมราคา
หรือกะว่าเผื่อฟลุคได้ของดีราคาถูก
แถมบางครั้งมักจะพูดเชิงดูหมิ่นว่า

เซียนอยู่รู หมูอยู่ตึก

เซียนพระคนนี้เลยบอกให้ฟังว่า
เช่าพระซื้อพระ ก็บอกแล้วให้ใช้สายตากับ
ข้อมูลที่รู้จริง อย่าใช้หูซื้อ (เชื่อเซียน/เชื่อเสียงเชียร์)
และความเป็นจริงของโลกนี้คือ
หมูเกิดปีสองสามครอก เสือเกิดปีละตัวสองตัว
ดังนั้น ก็คิดหรือนับดูว่า
ในแต่ละปีจะมีหมูมากมายกว่าเสืออย่างแน่นอน

ต่อมาเมื่อฝ่ายตรวจสอบของธนาคารเข้ามาตรวจสอบประจำปีที่สาขา
ก็เจอการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารด้วยเงินฝากของเหล้าขาว
ก็แนะนำว่าไม่พึงทำเพราะอาจจะเกิดความเสียหายในด้านภาพลักษณ์
คือความไม่เท่าเทียมกันหรือไม่เป็นธรรมกับลูกค้ารายอื่น
แต่ก็แนะนำให้ทำเรื่องเสนอขอตู้นิรภัยจากสำนักงานใหญ่
มาเพื่อเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าแทน
แม้ว่าจะไม่เข้าหลักเกณฑ์การขอตู้นิรภัยในเบื้องต้น
แต่ก็ยินยอมให้อ้างเหตุผลจากฝ่ายตรวจสอบ
ในเรื่องเหตุความจำเป็นและไกลจากตัวเมืองหาดใหญ่(58 กิโลเมตร)
ติดเขตชายแดนมาเลเซีย และเพื่อความมั่นคงปลอดภัย
เป็นช่องทางการหาเงินฝาก คือต้องมีเงินฝากประจำหลักหนึ่งล้านขึ้นไป
จึงจะขอมีตู้นิรภัยกับธนาคารได้และเป็นบริการเสริมที่มีรายได้ทุก ๆ ปี

เมื่อตู้นิรภัยมาถึงธนาคาร
เหล้าขาวก็ประเดิมเช่าตู้นิรภัยเป็นคนแรกของสาขา
พร้อมกับสมัครพรรคพวกของแก แห่กันมาจองจนต้องสั่งเพิ่มอีกชุดหนึ่ง
แม้ว่ากำหนดเงื่อนไขเงินฝากสูงกว่าที่ธนาคารกำหนดไว้แต่ต้นก็ตาม
แต่ก็มีคนต้องการมากกว่าจำนวนตู้ที่ให้บริการ
เพราะสมัยนั้นมีธนาคารไทยแห่งแรกเปิดดำเนินการเพียงแห่งเดียว
ช่วงแรก ๆ เหล้าขาวเปิดตู้วันละสี่ถึงห้าครั้งเป็นอย่างต่ำ
อาจจะเป็นเพราะเห่ออย่างหนึ่ง หรือมาเก็บของสำคัญของแก
ตามสโลแกน กางมุ้ง ถือร่ม (ปลอดภัยสูงสุด)
จนต้องมีการต่อรองว่าให้แกเข้าออกห้องมั่นคง
แล้วไปเปิดตู้นิรภัยได้วันละไม่เกินสองครั้ง
แกก็ตกลงยอมรับกติกาดังกล่าว

ส่วนเงินฝากเดิมของแกที่สำรองเป็นสินทรัพย์สภาพคล่อง
ก็ได้คืนกลับให้แกไปทั้งหมดแล้ว
หลังจากฝ่ายตรวจสอบธนาคารแนะนำว่าไม่ควรทำ
แต่ก็ยังทราบว่าแกก็ยังชอบสะสมเงินฝากเหมือนเดิม
อาจจะชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปในช่วงหนึ่งของชีวิต
ช่วงที่เริ่มทำมาหากินใหม่ ๆ และต้องอดออม อดทน
กับการเริ่มต้นชีวิตครั้งใหม่ในปาดังเบซาร์
จนเริ่มมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในช่วงปัจจุบัน

เขียนขึ้นจากความทรงจำก่อนที่จะเลือนหายไป
ถึงเหล้าขาวเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งที่ปาดังเบซาร์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บ้านรังนกนางแอ่น(กินรัง)

เรื่องเล่าจากคนทำป้ายสุสานจีน

ขอโทษทันทีเมื่อส่งอีเมล์ผิดพลาด