เหมืองทองโต๊ะโมะ-ทองคำ
เหมืองทองโต๊ะโมะ - ทองคำ
ที่น่าสังเกตคือ ปากทางเข้าถ้ำที่ไม่สูงมาก
และความกว้างประมาณหนึ่งเมตรเศษ ๆ
มีสหศาสนาวางอยู่หน้าปากทางเข้าถ้ำ
ประกอบด้วย รูปพระเยซู พระแม่มารีอา พระพุทธรูป ตีจูเอี้ย
และพรมที่ละหมาดของคนนับถือศาสนาอิสลาม
เลยถามแกว่าทำไมถึงต้องมีขนาดนี้
แกบอกว่าเดิมเหมืองแร่แห่งนี้เป็นของคนฝรั่งเศส
มารับสัมปทานทำก่อนแล้วเลิกไปช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
แต่ก่อนหน้านั้นมีคนอังกฤษมาทำเหมืองแร่ทองก่อน
แต่เป็นการทำแบบเถื่อน ๆ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
เพราะอาศัยอิทธิพลทางการทหารและเมืองขึ้นมลายู
เข้ามาทำเหมืองแร่ทองคำในฝั่งไทย
กอปรกับช่วงนั้น การเดินทางก็ลำบากมาก
การทหารกับตำรวจไทยก็ไม่มีความเข้มแข็งแต่อย่างไร
เลยต้องปล่อยเลยตามเลย
ต่อมาขุดแร่ทองคำได้น้อยเลยเลิกกิจการไป
แล้วตามมาด้วยคนฝรั่งเศสที่มาขอรับสัมปทานจากไทย
ก่อนเลิกกิจการช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
หลังจากขุดจนพรุนได้แร่ทองคำไปมากมายแล้ว
ในเหมืองแร่เคยมีคนถูกหินในถ้ำถล่มตายกว่าร้อยศพ
เลยต้องมีพิธีกรรมอัญเชิญเจ้าแม่โต๊ะโมะ
มาประดิษฐานก่อนย้ายไปที่สุไหงโก-ลค
เมื่อมาเปิดเหมืองใหม่ก็นำเอารูปปั้นศาสนาต่าง ๆ มาวางไว้
เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจของคนที่จะทำงานในเหมือง
เพราะงานเหมืองค่อนข้างอันตราย
รวมทั้งคนงานเหมืองแร่มักจะมีความเชื่อแบบแปลก ๆ ด้วย
เมื่อถามต่อว่าแล้วทองคำอยู่ที่ไหน
แกบอกว่าเห็นหินแกรนิตที่ยืนอยู่เมื่อกี้ไหม
เลยบอกว่าเห็นจำนวนมากเลย
แกบอกนี่แหละทองคำมูลค่าไม่ต่ำกว่าสิบห้าล้านบาท
ก็ยังงง ๆ อยู่ แกบอกว่าใช่เลย
ทองคำจริง ๆ ที่เป็นสายแร่หรือก้อนเล็ก ๆ จะหายากมาก
ส่วนมากจะเป็นเกล็ดเล็ก ๆ ละเอียดมาก ปนอยู่ในหิน
และที่ดีมากมักจะปนกับหินแกรนิตที่แข็งมาก
ที่ผ่านมาจะบรรทุกหินดังกล่าวด้วยรถยนต์สิบล้อ
วิ่งผ่านเข้าประเทศมาเลย์ทางด่านสุไหงโก-ลค
วิ่งไปลงเรือที่ปีนังก่อนส่งไปที่สิงคโปร์
เพื่อทุบย่อยให้ละเอียดแล้วสะกัดทองคำออกมา
บนเหมืองก็เคยทำอยู่บ้าง เฉพาะกรณีที่เจอว่ามี
เกล็ดแร่ทองคำปนอยู่เป็นจำนวนแร่มากจริง ๆ
แต่ถ้าเกล็ดแร่น้อยมากไม่คุ้มกับค่าน้ำมันและแรงงาน
ในการบดขยี้ก้อนหินให้ละเอียดเพื่อคัดแยกทองคำ
ก็จะใช้วิธีดังกล่าวแทนโดยการส่งไปที่สิงคโปร์ทำการแทน
ขากลับเลยเก็บมาเป็นของที่ระลึกสองก้อน
ยังเก็บไว้กับความทรงจำ ตอนนี้ไม่ทราบว่าไว้ตรงไหน
ถ้าเจอจะ Post ภาพถ่ายให้ดูกัน
แก้ไขวันที่ 24 สิงหาคม 2552 เจอหินแล้วจะโพสเลยครับ
การนำออกไปส่งที่สุไหงโก-ลค จะเป็นความลับมาก
บางทีขนออกไปพร้อมกับก้อนหินดังกล่าวซุกอยู่ข้างใต้
หรือขนออกไปกับรถยนต์พร้อมคนดูแลกับอาวุธปืน
เพราะมูลค่าครั้งละประมาณสิบถึงยี่สิบกิโลกรัม
ทองบาทหนึ่งจะมีน้ำหนักนิยามตามสมาคมค้าทองคำ
ทองคำความบริสุทธิ์ 96.5% (มาตรฐานในประเทศไทย)
ทองรูปพรรณ น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15.16 กรัม
ทองคำแท่ง น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15.244 กรัม
ทองคำความบริสุทธิ์ 99.99%
ทองคำ 1 กิโลกรัม เท่ากับ 32.1508 ออนซ์
ทองคำ 1 ออนซ์ เท่ากับ 31.104 กรัม
ทองคำเหมืองแร่จะตกประมาณเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็น
หรือมูลค่าประมาณครั้งละสิบกิโลกรัม
ก็เป็นน้ำหนักทองคำประมาณ 655.9 หรือ 656 บาท
มูลค่าช่วงนั้นประมาณสี่พันบาท
หรือตกประมาณสองล้านหกแสนเศษ
ถ้ายี่สิบกิโลกรัมก็ตกประมาณ 1312
หรือประมาณห้าล้านสองแสนบาท
แกเล่าว่าช่วงฝรั่งเศสทำเหมืองแร่ทองคำอยู่
ก็ใช้ช้างในการขนส่งทองคำ
โดยซุกซ่อนเป็นความลับออกไปเสมือนไปติดต่อธุระ
หรือจับจ่ายหาเสบียงอาหารมาที่เหมืองแร่
ก่อนจะนำไปขายที่รัฐปีนังมาเลย์
หรือส่งไปที่ฝรั่งเศสทางเรือโดยสาร
ที่ปีนังจะสามารถหาซื้ออาหารและเครื่องมือเครื่องใช้
เพราะบ้านเมืองมีความเจริญอยู่มาก
มีท่าเทียบเรือฝั่งอันดามัน(มหาสมุทรอินเดีย)
สามารถไปใช้ชีวิตที่สะดวกสะบายกว่าที่เหมืองแร่มาก
ความคิดเห็น